วิชา พระธรรมนูญศาลยุติธรรม , พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 ,พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 สามารถค้นหาคำพิพากษาฎีกาภายใน 1o ปี หลังสุดได้แล้วครับ จะเร่งเพิ่มวิชาต่อไปให้เสร็จตามมาเรื่อยๆครับ

จำหน่ายเอกสารรวมคำพิพากษาฎีกา 10 ปี ล่าสุด แยกเป็นรายวิชา

จำหน่ายเอกสารรวมคำพิพากษาฎีกา 10 ปี ล่าสุด แยกเป็นรายวิชา
www.lawbooks-by-mrt.blogspot.com

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

หนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ในคดีล้มละลาย

หนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ในคดีล้มละลาย
(Unprovable Debt in Bankruptcy)
                                                                        อาจารย์เอื้อน  ขุนแก้ว
                ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย  พ.ศ.  ๒๔๘๓  ได้กำหนดลักษณะของหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้  (provable  debt)  ไว้ในมาตรา  ๙๔  ว่า  หนี้ดังกล่าวนั้นมูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  และไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา ๙๔  (๑)  หรือ  (๒)  ในมูลหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้นั้น  เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว  เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ก็แต่โดยปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าวไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  กล่าวคือ  ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ทั้งนี้แม้ว่าเจ้าหนี้ดังกล่าวนั้นจะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา  หรือเจ้าหนี้ที่ได้ฟ้องคดีแพ่งไว้แล้วแต่คดีอยู่ระหว่างพิจารณาก็ตาม  ตามมาตรา  ๒๗  โดยหนี้ที่อาจขอรับชำระได้นั้นจะต้องเป็นหนี้เงิน  แต่ในคดีล้มละลายยังมีหนี้เข้ามาเกี่ยวข้องอีกหลายส่วน  อันเป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ซึ่งสามารถจะแยกพิจารณาออกได้เป็น    กลุ่ม
                ก.  หนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
                แม้ว่าหนี้ส่วนนี้จะมีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  แต่หนี้ดังกล่าวไม่อาจขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้  ได้แก่
                ๑.  หนี้ที่เกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย  หรือศีลธรรมอันดี  หรือหนี้ที่ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้  (มาตรา  ๙๔  (๑))  เช่น  หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ  ซึ่งลูกหนี้ทำขึ้นภายหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  หนี้ตามคำพิพากษาซึ่งหมดระยะเวลาบังคับคดี  หรือหนี้ที่ขาดอายุความ  หรือหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้นั้นมีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้ว  (มาตรา  ๙๔  (๒))  เช่น  หนี้ซึ่งกรรมการของบริษัทลูกหนี้ให้ลูกหนี้กู้ยืมเงินของตนในขณะที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว  หนี้ส่วนนี้แม้ว่าจะเป็นหนี้เงินเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  แต่กฎหมายห้ามมิให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย  หนี้ส่วนนี้เจ้าหนี้จึงไม่มีโอกาสได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้ในคดีล้มละลายเลย
                ๒.  หนี้ที่มิใช่หนี้เงิน  อาจจะเป็นหนี้ที่ลูกหนี้ต้องกระทำการหรืองดเว้นกระทำการหรือส่งมอบทรัพย์สิน  หนี้ในส่วนนี้แม้ว่าจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แต่ไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย  เพราะหนี้ที่สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายนั้นจำกัดอยู่เฉพาะหนี้เงิน
                ตัวอย่าง  ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ขายที่ดินให้แก่เจ้าหนี้    แปลง  และเจ้าหนี้ได้ชำระเงินครบถ้วนแล้ว  ลูกหนี้จึงมีหน้าที่โอนที่ดินให้แก่เจ้าหนี้  แต่เมื่อลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  เจ้าหนี้ก็ย่อมฟ้องบังคับให้มีการโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่ตนได้  หนี้ส่วนนี้เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ หากว่าเป็นหนี้ที่เกี่ยวกับกองทรัพย์สินของลูกหนี้  หรือเกี่ยวกับทรัพย์สินอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  เจ้าหนี้สามารถที่จะบังคับชำระหนี้ได้โดยการฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ในฐานะผู้มีอำนาจดำเนินกิจการแทนลูกหนี้เป็นจำเลย
                กรณีเกี่ยวกับกองทรัพย์สิน
                คำพิพากษาฏีกาที่  ๓๖๒๕/๒๕๒๗  โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลยที่    โดยขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย  โอนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนจำเลยที่    หากไม่สามารถทำได้ให้ใช้ราคาพร้อมค่าเสียหายซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินโดยตรง  เมื่อปรากฎว่าศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่    แล้ว  โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๖๘๖/๒๕๕๑  พระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๖  และมาตรา  ๒๗  ที่ห้ามมิให้เจ้าหนี้ฟ้องคดีแพ่งอันเกี่ยวกับหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ได้นั้นห้ามเฉพาะหนี้เงิน  ส่วนหนี้ที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่กันซึ่งเจ้าหนี้ไม่อาจขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เพราะมิใช่หนี้เงิน  ไม่อยู่ในบังคับที่ห้ามมิให้ฟ้อง  และโดยเหตุที่ผู้ล้มละลายไม่มีอำนาจจัดการทรัพย์สินหรือต่อสู้คดีใดๆ  เกี่ยวกับทรัพย์สินของตนเองอีกต่อไป  แต่เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว  ตามมาตรา  ๒๒(๑)  (๓)  ทั้งหนี้ที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินก็เกิดขึ้นก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  โจทก์จึงฟ้องจำเลยในฐานะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของผู้ล้มละลายให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่โจทก์ได้
                กรณีไม่เกี่ยวกับกองทรัพย์สิน
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๗๕๑๘/๒๕๓๘  โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินที่เช่าซึ่งเป็นทรัพย์สินของโจทก์  โดยมิได้เรียกให้จำเลยชดเชยค่าเสียหาย  จึงไม่เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของจำเลย  แม้จำเลยจะถูกพิทักษ์ทรัพย์ในระหว่างพิจารณา  จำเลยก็ต่อสู้คดีได้โดยลำพังโดยไม่ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทน
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๒๖๕๐/๒๕๕๐  แม้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  และ  ๒๔  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวมีอำนาจจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใดๆ  เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้  และห้ามมิให้ลูกหนี้กระทำการใดๆ  เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน  แต่การที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน  โดยมิได้เรียกร้องค่าเสียหายอื่นจากจำเลย  เป็นการขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่งและเป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์ของโจทก์คืน  เป็นหนี้ที่มิอาจขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้  โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งได้
                ข.  หนี้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
                แม้ว่าเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจในการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ตามมาตรา  ๒๒  ลูกหนี้จะกระทำการใดๆ  เกี่ยวกับกิจการหรือทรัพย์สินของตนไม่ได้  เว้นแต่ในการกระทำนั้นลูกหนี้จะได้กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาลเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือผู้จัดการทรัพย์  หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๔  หากลูกหนี้ฝ่าฝืนบัญญัติดังกล่าว  นิติกรรมนั้นถือว่าขัดต่อพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  และมาตรา  ๒๔  อันเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน  ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  ๑๕๐  แต่หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  ก็อาจจะมีหนี้ที่ลูกหนี้หรือกองทรัพย์สินของลูกหนี้จะต้องรับผิด  ได้แก่  หนี้ที่ลูกหนี้ได้ก่อให้เกิดขึ้นโดยได้รับความเห็นชอบ  ตามมาตรา  ๒๔  หรือหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการจัดกิจการของลูกหนี้โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
                ๑.  หนี้ที่ลูกหนี้ก่อให้เกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  หากว่าลูกหนี้ทำนิติกรรมใดโดยได้รับคำสั่งหรือความเห็นชอบตามมาตรา  ๒๔  หรือลูกหนี้ก่อเหตุละเมิดขึ้น  เช่นนี้  มูลหนี้ดังกล่าวนั้นย่อมบังคับได้ตามกฎหมาย  หนี้ส่วนนี้เป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ในการล้มละลายของลูกหนี้  เนื่องจากมูลแห่งหนี้เกิดขึ้นภายหลังศาลวันที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  แต่มูลหนี้ดังกล่าวเป็นมูลหนี้ที่สามารถบังคับได้และผูกพันลูกหนี้
                ตัวอย่าง  หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้  ลูกหนี้ขับรถชนคนได้รับบาดเจ็บ  กรณีเป็นการกระทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  ๔๒๐  และมาตรา  ๔๓๗  ผู้ได้รับบาดเจ็บสามารถฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งต่อศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีแพ่งได้  และเมื่อศาลพิพากษาแล้ว  เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ในส่วนที่ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  หรือจะไปบังคับคดีภายหลังจากลูกหนี้หลุดพ้นจากการล้มละลายแล้วก็ได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๔๘๕๑/๒๕๔๕  ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๔  และ  ๒๕  การที่บุคคลล้มละลายจำนองที่ดินของตนแก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้ของผู้อื่นภายหลังที่ศาลได้พิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว  เป็นการกระทำเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้อันมีผลผูกพันในที่ดินที่จะต้องถูกบังคับคดีในที่สุดหากไม่ชำระหนี้  และฝ่าฝืนต่อกฎหมายเพราะไม่ได้กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  นิติกรรมจำนองจึงตกเป็นโมฆะ  มิใช่กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องเข้าว่าคดีแพ่งอันเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลตามบทบัญญัติดังกล่าวด้วย  แม้หากการกระทำของลูกหนี้จะเป็นการละเมิดต่อโจทก์และมีหนี้ที่จะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์  แต่หนี้ดังกล่าวก็เกิดขึ้นภายหลังที่ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว  โจทก์ไม่อาจนำมาขอยื่นรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๗,  ๙๑  และ  ๙๔  โจทก์ชอบที่จะฟ้องลูกหนี้เป็นจำเลยโดยตรง  โจทก์จะฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นจำเลยแทนลูกหนี้หาได้ไม่
                ๒.  หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการจัดกิจการทรัพย์สินของลูกหนี้  โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าไปจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้แล้วเกิดหนี้ที่กองทรัพย์สินของลูกหนี้จะต้องรับผิด  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่นำเงินจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ดังกล่าว  ในกรณีเช่นนี้หากต่อมาลูกหนี้พ้นจากการล้มละลายแล้ว  ลูกหนี้จะต้องรับผิดหนี้ดังกล่าวด้วย
                หนี้ที่เกิดขึ้นจากการจัดกิจการกองทรัพย์สิน  แยกพิจารณาดังนี้
                ๒.๑  หนี้ค่าจ้างแรงงาน  การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ซึ่งเป็นนายจ้างนั้น  มิได้ทำให้สัญญาจ้างแรงงานสิ้นสุดลง  ถือว่าลูกหนี้และเจ้าหนี้ยังคงเป็นลูกจ้างนายจ้างกันต่อไป  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่จะต้องนำเงินจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้มาชำระค่าจ้างดังกล่าว  หากว่ามีการเลิกจ้างเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ก็มีหน้าที่จะต้องจ่ายค่าชดเชยตามที่กฎหมายกำหนดไว้  และหากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ชำระ  ลูกจ้างก็สามารถฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้นำเงินจากกองทรัพย์สินชำระหนี้ได้
                คำพิพากษาฎีกาที่ ๘๙๒๓-๘๙๒๔/๒๕๕๑  เมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัท  ก.  ลูกหนี้แล้ว  อำนาจในการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้หรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ที่ค้างชำระอยู่เสร็จสิ้นไปเป็นอำนาจของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  จำเลยจึงเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท  ก.  ลูกหนี้ผู้เป็นนิติบุคคล  การที่จำเลยจ้างโจทก์ทั้งห้าหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวโดยจ่ายค่าจ้างจากกองทรัพย์สินของบริษัท  ก.  ลูกหนี้  โจทก์ทั้งห้าจึงเป็นลูกจ้างของบริษัท  ก.  ลูกหนี้โดยมีจำเลยเป็นผู้กระทำการแทน  จำเลยมีฐานะเป็นนายจ้างโจทก์ทั้งห้าตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.  ๒๕๔๑  มาตรา    เมื่อพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน  พ.ศ.  ๒๕๒๒  มาตรา    บัญญัติให้ศาลแรงงานมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งในคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน  และโจทก์ทั้งห้าฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.  ๒๕๔๑  โจทก์ทั้งห้าจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๔๑๑๔/๒๕๒๘  เมื่อจำเลยที่    ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  ย่อมหมดอำนาจที่จะดำเนินกิจการงานของตนต่อไป  แต่จำเลยที่    ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  มีอำนาจตามกฎหมายที่จะจัดการหรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของจำเลยที่    และไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าลูกจ้างของลูกหนี้หมดสิทธิที่จะทำงานให้ลูกหนี้ต่อไป  ดังนั้นเมื่อจำเลยที่    บอกเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่    จึงเป็นการเลิกจ้างตามกฎหมายเงินค่าชดเชยซึ่งกฎหมายแรงงานบังคับให้จำเลยที่    ต้องจ่ายให้แก่โจทก์นั้นเกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  ย่อมเป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระได้  ตามมาตรา  ๙๔  แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  แต่เมื่อจำเลยที่    ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้จัดการกิจการทรัพย์สินแทนจำเลยที่    แล้วเกิดมีเงินที่กฎหมายบังคับให้จ่ายเกิดขึ้น  จำเลยที่    ก็มีหน้าที่ต้องเอาเงินของจำเลยที่    จ่ายแทนจำเลยที่    โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่    ให้จ่ายเงินค่าชดเชยได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๕๕๒๓/๒๕๕๒  การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดมีผลเพียงทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถกระทำการใดๆเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน  ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้จัดการหรือกระทำการแทน  ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  และ  ๒๔  หามีผลทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้ผู้เป็นนายจ้างกับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นลูกจ้างสิ้นสุดไปด้วยไม่  ทั้งไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่า  เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้วลูกจ้างของลูกหนี้หมดสิทธิ  ที่จะทำงานให้ลูกหนี้ต่อไปแม้ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด  เจ้าหนี้ก็ยังมีฐานะเป็นลูกจ้างของลูกหนี้อยู่นั่นเอง  กรณียังไม่ถือว่ามีการเลิกจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ  มาตรา  ๑๑๘
                ๒.๒  หนี้ภาษีอากร  หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  หากปรากฏว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินและเกิดหนี้ภาษีอากร  ซึ่งกองทรัพย์สินจะต้องรับผิด  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่ต้องนำเงินจากกองทรัพย์สินมาชำระหนี้ภาษีอากรดังกล่าว  หากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ชำระ  เจ้าหนี้ภาษีอากรดังกล่าวสามารถฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นจำเลยได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๒๔๕๙/๒๕๓๓  บริษัทลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแต่ยังเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ในระหว่างนั้นย่อมต้องมีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่  พระราชบัญญัติล้มละลายฯมิได้กำหนดมิให้ฟ้องเกี่ยวกับหนี้ที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายหลังถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  ซึ่งเป็นหนี้ที่ไม่สามารถขอรับชำระหนี้ได้ภายในเวลาตามที่พระราชบัญญัติล้มละลายฯ  กำหนดไว้การเกิดหนี้ขึ้นโดยผลของกฎหมายเช่นนี้เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องดำเนินการแทนลูกหนี้  เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการโต้แย้งสิทธิของโจทก์เกี่ยวกับภาษีรายนี้  โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องให้รับผิดได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๑๐๔๗/๒๕๓๔  จำเลยเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ปรากฏว่าลูกหนี้เป็นหนี้ภาษีบำรุงท้องที่ต่อโจทก์  เจ้าพนักงานของโจทก์จึงได้แจ้งการประเมินไปยังจำเลยเพื่อให้ชำระค่าภาษีดังกล่าวดังนี้  การแจ้งการประเมินจึงเป็นการปฏิบัติตามวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่  พ.ศ.  ๒๕๐๘  มาตรา  ๔๘  ไม่ใช่เรื่องการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๙๑  การที่จำเลยมีหนังสือไปถึงผู้อำนวยการเขตลาดกระบังแจ้งว่า  หนี้ค่าภาษีบำรุงท้องที่เป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระได้นั้น  เป็นเรื่องที่นอกเหนืออำนาจตามกฎหมาย  เท่ากับเป็นการแจ้งความคิดเห็นของจำเลยไปให้ผู้อำนวยการเขตลาดกระบังทราบเท่านั้น  ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีคำวินิจฉัยในเรื่องคำขอรับชำระหนี้  จึงไม่มีผลผูกพันใดๆ  ต่อโจทก์  โจทก์จึงไม่ต้องร้องคัดค้านความเห็นของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๑๔๖  ก่อน  ฉะนั้น  การที่จำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของลูกหนี้เนื่องจากลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  และได้จัดให้เช่าที่ดินของลูกหนี้  จำเลยจึงมีหน้าที่ชำระภาษีบำรุงท้องที่  ตามมาตรา  ๓๕  วรรคสอง  หนี้เงินภาษีดังกล่าวเป็นหนี้ที่กฎหมายบังคับให้ต้องชำระ  แม้จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  จำเลยก็ยังมีหน้าที่ชำระหนี้แทนลูกหนี้
                หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการจัดกิจการทรัพย์สินของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น  ถือว่าเป็นหนี้ที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ  ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๑๓๐(๒)  เช่นนี้  หากว่าทรัพย์สินในกองทรัพย์สินมีไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทุกลำดับ  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องนำเงินที่ได้จากการรวบรวมในกองทรัพย์สินมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการจัดกิจการและทรัพย์สินก่อน
                ผลของการสิ้นสุดคดีล้มละลาย
                การที่คดีล้มละลายสิ้นสุดลงนั้น  ปัญหาว่าลูกหนี้จะต้องรับผิดหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระได้ตามที่กล่าวมาข้างต้นหรือไม่นั้น  คงต้องแยกพิจารณาเป็นการสิ้นสุดของคดีล้มละลายเป็นกรณีๆ  ไป  ได้แก่
                กรณีศาลมีคำสั่งปลดลูกหนี้จากการล้มละลาย  ซึ่งผลของการปลดจากการล้มละลายพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๗๗  กำหนดว่า  คำสั่งปลดจากการล้มละลาย  ทำให้บุคคลล้มละลายหลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงอันพึงขอรับชำระหนี้ได้  เว้นแต่หนี้เกี่ยวกับภาษีอากรหรือหนี้ที่ได้เกิดขึ้นโดยการทุจริตฉ้อโกงของบุคคลล้มละลาย  เช่นนี้ในหนี้ส่วนที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้เมื่อได้รับการปลดจากล้มละลายหาทำให้บุคคลล้มละลายหลุดพ้นแต่อย่างใดไม่  ตามตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่า  ในกรณีที่ลูกหนี้ก่อหนี้ละเมิดในขณะที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด  แม้ว่าศาลจะมีคำสั่งปลดจากลูกหนี้จากการล้มละลาย  แต่ลูกหนี้ก็ยังต้องรับผิดมูลหนี้ละเมิดที่ก่อให้เกิดขึ้น
                กรณีศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย  หากว่าเป็นการยกเลิกการล้มละลาย  ตามมาตรา  ๑๓๕(๑)  หรือ  (๒)  นั้น  ไม่ทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้สินแต่อย่างใด  กล่าวคือ  ลูกหนี้เคยเป็นหนี้อยู่เช่นใดก็คงเป็นหนี้อยู่เช่นนั้น  ในหนี้ส่วนที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ในคดีล้มละลาย  หากว่าต่อมาศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของลูกหนี้  ตามมาตรา  ๑๓๕(๑)  หรือ  (๒)  ลูกหนี้ก็ไม่หลุดพ้นจากหนี้ดังกล่าว  ส่วนกรณีที่ศาลมีคำสั่งยกเลิกจากการล้มละลายของลูกหนี้  ตามมาตรา  ๑๓๕(๓)  หรือ  (๔)  ซึ่งได้แก่  กรณีที่หนี้สินของเจ้าหนี้ที่ขอรับชำระหนี้นั้นได้มีการชำระเต็มจำนวนแล้ว  หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แบ่งทรัพย์ครั้งที่สุด  หรือไม่มีทรัพย์สินจะแบ่งให้แก่เจ้าหนี้แล้ว  ต่อแต่นั้นมาภายในกำหนด  ๑๐  ปี  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ไม่อาจรวบรวมทรัพย์สินของบุคคลล้มละลายได้อีก  ตามมาตรา  ๑๓๕(๓)  หรือ  (๔)  ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงนั้น  ก็หมายความเฉพาะหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้อันจะต้องเข้าสู่กระบวนการขอรับชำระหนี้  และแบ่งทรัพย์สินในคดีล้มละลายเท่านั้น  ส่วนหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้  ซึ่งได้แก่  หนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  หรือหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเข้าไปจัดกิจการและทรัพย์สินของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ลูกหนี้ก็หาหลุดพ้นจากหนี้ดังกล่าวนั้น แต่อย่างใดไม่

(Unprovable Debt in Bankruptcy)
                                                                        อาจารย์เอื้อน  ขุนแก้ว
                ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย  พ.ศ.  ๒๔๘๓  ได้กำหนดลักษณะของหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้  (provable  debt)  ไว้ในมาตรา  ๙๔  ว่า  หนี้ดังกล่าวนั้นมูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  และไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา ๙๔  (๑)  หรือ  (๒)  ในมูลหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้นั้น  เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว  เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ก็แต่โดยปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าวไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  กล่าวคือ  ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ทั้งนี้แม้ว่าเจ้าหนี้ดังกล่าวนั้นจะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา  หรือเจ้าหนี้ที่ได้ฟ้องคดีแพ่งไว้แล้วแต่คดีอยู่ระหว่างพิจารณาก็ตาม  ตามมาตรา  ๒๗  โดยหนี้ที่อาจขอรับชำระได้นั้นจะต้องเป็นหนี้เงิน  แต่ในคดีล้มละลายยังมีหนี้เข้ามาเกี่ยวข้องอีกหลายส่วน  อันเป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ซึ่งสามารถจะแยกพิจารณาออกได้เป็น    กลุ่ม
                ก.  หนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
                แม้ว่าหนี้ส่วนนี้จะมีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  แต่หนี้ดังกล่าวไม่อาจขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้  ได้แก่
                ๑.  หนี้ที่เกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย  หรือศีลธรรมอันดี  หรือหนี้ที่ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้  (มาตรา  ๙๔  (๑))  เช่น  หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ  ซึ่งลูกหนี้ทำขึ้นภายหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  หนี้ตามคำพิพากษาซึ่งหมดระยะเวลาบังคับคดี  หรือหนี้ที่ขาดอายุความ  หรือหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้นั้นมีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้ว  (มาตรา  ๙๔  (๒))  เช่น  หนี้ซึ่งกรรมการของบริษัทลูกหนี้ให้ลูกหนี้กู้ยืมเงินของตนในขณะที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว  หนี้ส่วนนี้แม้ว่าจะเป็นหนี้เงินเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  แต่กฎหมายห้ามมิให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย  หนี้ส่วนนี้เจ้าหนี้จึงไม่มีโอกาสได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้ในคดีล้มละลายเลย
                ๒.  หนี้ที่มิใช่หนี้เงิน  อาจจะเป็นหนี้ที่ลูกหนี้ต้องกระทำการหรืองดเว้นกระทำการหรือส่งมอบทรัพย์สิน  หนี้ในส่วนนี้แม้ว่าจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แต่ไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย  เพราะหนี้ที่สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายนั้นจำกัดอยู่เฉพาะหนี้เงิน
                ตัวอย่าง  ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ขายที่ดินให้แก่เจ้าหนี้    แปลง  และเจ้าหนี้ได้ชำระเงินครบถ้วนแล้ว  ลูกหนี้จึงมีหน้าที่โอนที่ดินให้แก่เจ้าหนี้  แต่เมื่อลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  เจ้าหนี้ก็ย่อมฟ้องบังคับให้มีการโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่ตนได้  หนี้ส่วนนี้เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ หากว่าเป็นหนี้ที่เกี่ยวกับกองทรัพย์สินของลูกหนี้  หรือเกี่ยวกับทรัพย์สินอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  เจ้าหนี้สามารถที่จะบังคับชำระหนี้ได้โดยการฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ในฐานะผู้มีอำนาจดำเนินกิจการแทนลูกหนี้เป็นจำเลย
                กรณีเกี่ยวกับกองทรัพย์สิน
                คำพิพากษาฏีกาที่  ๓๖๒๕/๒๕๒๗  โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลยที่    โดยขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย  โอนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนจำเลยที่    หากไม่สามารถทำได้ให้ใช้ราคาพร้อมค่าเสียหายซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินโดยตรง  เมื่อปรากฎว่าศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่    แล้ว  โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๖๘๖/๒๕๕๑  พระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๖  และมาตรา  ๒๗  ที่ห้ามมิให้เจ้าหนี้ฟ้องคดีแพ่งอันเกี่ยวกับหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ได้นั้นห้ามเฉพาะหนี้เงิน  ส่วนหนี้ที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่กันซึ่งเจ้าหนี้ไม่อาจขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เพราะมิใช่หนี้เงิน  ไม่อยู่ในบังคับที่ห้ามมิให้ฟ้อง  และโดยเหตุที่ผู้ล้มละลายไม่มีอำนาจจัดการทรัพย์สินหรือต่อสู้คดีใดๆ  เกี่ยวกับทรัพย์สินของตนเองอีกต่อไป  แต่เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว  ตามมาตรา  ๒๒(๑)  (๓)  ทั้งหนี้ที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินก็เกิดขึ้นก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  โจทก์จึงฟ้องจำเลยในฐานะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของผู้ล้มละลายให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่โจทก์ได้
                กรณีไม่เกี่ยวกับกองทรัพย์สิน
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๗๕๑๘/๒๕๓๘  โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินที่เช่าซึ่งเป็นทรัพย์สินของโจทก์  โดยมิได้เรียกให้จำเลยชดเชยค่าเสียหาย  จึงไม่เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของจำเลย  แม้จำเลยจะถูกพิทักษ์ทรัพย์ในระหว่างพิจารณา  จำเลยก็ต่อสู้คดีได้โดยลำพังโดยไม่ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทน
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๒๖๕๐/๒๕๕๐  แม้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  และ  ๒๔  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวมีอำนาจจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใดๆ  เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้  และห้ามมิให้ลูกหนี้กระทำการใดๆ  เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน  แต่การที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน  โดยมิได้เรียกร้องค่าเสียหายอื่นจากจำเลย  เป็นการขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่งและเป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์ของโจทก์คืน  เป็นหนี้ที่มิอาจขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้  โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งได้
                ข.  หนี้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
                แม้ว่าเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจในการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ตามมาตรา  ๒๒  ลูกหนี้จะกระทำการใดๆ  เกี่ยวกับกิจการหรือทรัพย์สินของตนไม่ได้  เว้นแต่ในการกระทำนั้นลูกหนี้จะได้กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาลเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือผู้จัดการทรัพย์  หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๔  หากลูกหนี้ฝ่าฝืนบัญญัติดังกล่าว  นิติกรรมนั้นถือว่าขัดต่อพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  และมาตรา  ๒๔  อันเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน  ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  ๑๕๐  แต่หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  ก็อาจจะมีหนี้ที่ลูกหนี้หรือกองทรัพย์สินของลูกหนี้จะต้องรับผิด  ได้แก่  หนี้ที่ลูกหนี้ได้ก่อให้เกิดขึ้นโดยได้รับความเห็นชอบ  ตามมาตรา  ๒๔  หรือหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการจัดกิจการของลูกหนี้โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
                ๑.  หนี้ที่ลูกหนี้ก่อให้เกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  หากว่าลูกหนี้ทำนิติกรรมใดโดยได้รับคำสั่งหรือความเห็นชอบตามมาตรา  ๒๔  หรือลูกหนี้ก่อเหตุละเมิดขึ้น  เช่นนี้  มูลหนี้ดังกล่าวนั้นย่อมบังคับได้ตามกฎหมาย  หนี้ส่วนนี้เป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ในการล้มละลายของลูกหนี้  เนื่องจากมูลแห่งหนี้เกิดขึ้นภายหลังศาลวันที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  แต่มูลหนี้ดังกล่าวเป็นมูลหนี้ที่สามารถบังคับได้และผูกพันลูกหนี้
                ตัวอย่าง  หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้  ลูกหนี้ขับรถชนคนได้รับบาดเจ็บ  กรณีเป็นการกระทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  ๔๒๐  และมาตรา  ๔๓๗  ผู้ได้รับบาดเจ็บสามารถฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งต่อศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีแพ่งได้  และเมื่อศาลพิพากษาแล้ว  เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ในส่วนที่ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  หรือจะไปบังคับคดีภายหลังจากลูกหนี้หลุดพ้นจากการล้มละลายแล้วก็ได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๔๘๕๑/๒๕๔๕  ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๔  และ  ๒๕  การที่บุคคลล้มละลายจำนองที่ดินของตนแก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้ของผู้อื่นภายหลังที่ศาลได้พิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว  เป็นการกระทำเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้อันมีผลผูกพันในที่ดินที่จะต้องถูกบังคับคดีในที่สุดหากไม่ชำระหนี้  และฝ่าฝืนต่อกฎหมายเพราะไม่ได้กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  นิติกรรมจำนองจึงตกเป็นโมฆะ  มิใช่กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องเข้าว่าคดีแพ่งอันเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลตามบทบัญญัติดังกล่าวด้วย  แม้หากการกระทำของลูกหนี้จะเป็นการละเมิดต่อโจทก์และมีหนี้ที่จะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์  แต่หนี้ดังกล่าวก็เกิดขึ้นภายหลังที่ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว  โจทก์ไม่อาจนำมาขอยื่นรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๗,  ๙๑  และ  ๙๔  โจทก์ชอบที่จะฟ้องลูกหนี้เป็นจำเลยโดยตรง  โจทก์จะฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นจำเลยแทนลูกหนี้หาได้ไม่
                ๒.  หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการจัดกิจการทรัพย์สินของลูกหนี้  โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าไปจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้แล้วเกิดหนี้ที่กองทรัพย์สินของลูกหนี้จะต้องรับผิด  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่นำเงินจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ดังกล่าว  ในกรณีเช่นนี้หากต่อมาลูกหนี้พ้นจากการล้มละลายแล้ว  ลูกหนี้จะต้องรับผิดหนี้ดังกล่าวด้วย
                หนี้ที่เกิดขึ้นจากการจัดกิจการกองทรัพย์สิน  แยกพิจารณาดังนี้
                ๒.๑  หนี้ค่าจ้างแรงงาน  การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ซึ่งเป็นนายจ้างนั้น  มิได้ทำให้สัญญาจ้างแรงงานสิ้นสุดลง  ถือว่าลูกหนี้และเจ้าหนี้ยังคงเป็นลูกจ้างนายจ้างกันต่อไป  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่จะต้องนำเงินจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้มาชำระค่าจ้างดังกล่าว  หากว่ามีการเลิกจ้างเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ก็มีหน้าที่จะต้องจ่ายค่าชดเชยตามที่กฎหมายกำหนดไว้  และหากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ชำระ  ลูกจ้างก็สามารถฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้นำเงินจากกองทรัพย์สินชำระหนี้ได้
                คำพิพากษาฎีกาที่ ๘๙๒๓-๘๙๒๔/๒๕๕๑  เมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัท  ก.  ลูกหนี้แล้ว  อำนาจในการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้หรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ที่ค้างชำระอยู่เสร็จสิ้นไปเป็นอำนาจของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  จำเลยจึงเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท  ก.  ลูกหนี้ผู้เป็นนิติบุคคล  การที่จำเลยจ้างโจทก์ทั้งห้าหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวโดยจ่ายค่าจ้างจากกองทรัพย์สินของบริษัท  ก.  ลูกหนี้  โจทก์ทั้งห้าจึงเป็นลูกจ้างของบริษัท  ก.  ลูกหนี้โดยมีจำเลยเป็นผู้กระทำการแทน  จำเลยมีฐานะเป็นนายจ้างโจทก์ทั้งห้าตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.  ๒๕๔๑  มาตรา    เมื่อพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน  พ.ศ.  ๒๕๒๒  มาตรา    บัญญัติให้ศาลแรงงานมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งในคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน  และโจทก์ทั้งห้าฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.  ๒๕๔๑  โจทก์ทั้งห้าจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๔๑๑๔/๒๕๒๘  เมื่อจำเลยที่    ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  ย่อมหมดอำนาจที่จะดำเนินกิจการงานของตนต่อไป  แต่จำเลยที่    ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  มีอำนาจตามกฎหมายที่จะจัดการหรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของจำเลยที่    และไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าลูกจ้างของลูกหนี้หมดสิทธิที่จะทำงานให้ลูกหนี้ต่อไป  ดังนั้นเมื่อจำเลยที่    บอกเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่    จึงเป็นการเลิกจ้างตามกฎหมายเงินค่าชดเชยซึ่งกฎหมายแรงงานบังคับให้จำเลยที่    ต้องจ่ายให้แก่โจทก์นั้นเกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  ย่อมเป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระได้  ตามมาตรา  ๙๔  แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  แต่เมื่อจำเลยที่    ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้จัดการกิจการทรัพย์สินแทนจำเลยที่    แล้วเกิดมีเงินที่กฎหมายบังคับให้จ่ายเกิดขึ้น  จำเลยที่    ก็มีหน้าที่ต้องเอาเงินของจำเลยที่    จ่ายแทนจำเลยที่    โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่    ให้จ่ายเงินค่าชดเชยได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๕๕๒๓/๒๕๕๒  การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดมีผลเพียงทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถกระทำการใดๆเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน  ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้จัดการหรือกระทำการแทน  ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  และ  ๒๔  หามีผลทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้ผู้เป็นนายจ้างกับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นลูกจ้างสิ้นสุดไปด้วยไม่  ทั้งไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่า  เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้วลูกจ้างของลูกหนี้หมดสิทธิ  ที่จะทำงานให้ลูกหนี้ต่อไปแม้ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด  เจ้าหนี้ก็ยังมีฐานะเป็นลูกจ้างของลูกหนี้อยู่นั่นเอง  กรณียังไม่ถือว่ามีการเลิกจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ  มาตรา  ๑๑๘
                ๒.๒  หนี้ภาษีอากร  หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  หากปรากฏว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินและเกิดหนี้ภาษีอากร  ซึ่งกองทรัพย์สินจะต้องรับผิด  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่ต้องนำเงินจากกองทรัพย์สินมาชำระหนี้ภาษีอากรดังกล่าว  หากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ชำระ  เจ้าหนี้ภาษีอากรดังกล่าวสามารถฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นจำเลยได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๒๔๕๙/๒๕๓๓  บริษัทลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแต่ยังเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ในระหว่างนั้นย่อมต้องมีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่  พระราชบัญญัติล้มละลายฯมิได้กำหนดมิให้ฟ้องเกี่ยวกับหนี้ที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายหลังถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  ซึ่งเป็นหนี้ที่ไม่สามารถขอรับชำระหนี้ได้ภายในเวลาตามที่พระราชบัญญัติล้มละลายฯ  กำหนดไว้การเกิดหนี้ขึ้นโดยผลของกฎหมายเช่นนี้เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องดำเนินการแทนลูกหนี้  เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการโต้แย้งสิทธิของโจทก์เกี่ยวกับภาษีรายนี้  โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องให้รับผิดได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๑๐๔๗/๒๕๓๔  จำเลยเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ปรากฏว่าลูกหนี้เป็นหนี้ภาษีบำรุงท้องที่ต่อโจทก์  เจ้าพนักงานของโจทก์จึงได้แจ้งการประเมินไปยังจำเลยเพื่อให้ชำระค่าภาษีดังกล่าวดังนี้  การแจ้งการประเมินจึงเป็นการปฏิบัติตามวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่  พ.ศ.  ๒๕๐๘  มาตรา  ๔๘  ไม่ใช่เรื่องการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๙๑  การที่จำเลยมีหนังสือไปถึงผู้อำนวยการเขตลาดกระบังแจ้งว่า  หนี้ค่าภาษีบำรุงท้องที่เป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระได้นั้น  เป็นเรื่องที่นอกเหนืออำนาจตามกฎหมาย  เท่ากับเป็นการแจ้งความคิดเห็นของจำเลยไปให้ผู้อำนวยการเขตลาดกระบังทราบเท่านั้น  ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีคำวินิจฉัยในเรื่องคำขอรับชำระหนี้  จึงไม่มีผลผูกพันใดๆ  ต่อโจทก์  โจทก์จึงไม่ต้องร้องคัดค้านความเห็นของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๑๔๖  ก่อน  ฉะนั้น  การที่จำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของลูกหนี้เนื่องจากลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  และได้จัดให้เช่าที่ดินของลูกหนี้  จำเลยจึงมีหน้าที่ชำระภาษีบำรุงท้องที่  ตามมาตรา  ๓๕  วรรคสอง  หนี้เงินภาษีดังกล่าวเป็นหนี้ที่กฎหมายบังคับให้ต้องชำระ  แม้จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  จำเลยก็ยังมีหน้าที่ชำระหนี้แทนลูกหนี้
                หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการจัดกิจการทรัพย์สินของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น  ถือว่าเป็นหนี้ที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ  ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๑๓๐(๒)  เช่นนี้  หากว่าทรัพย์สินในกองทรัพย์สินมีไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทุกลำดับ  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องนำเงินที่ได้จากการรวบรวมในกองทรัพย์สินมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการจัดกิจการและทรัพย์สินก่อน
                ผลของการสิ้นสุดคดีล้มละลาย
                การที่คดีล้มละลายสิ้นสุดลงนั้น  ปัญหาว่าลูกหนี้จะต้องรับผิดหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระได้ตามที่กล่าวมาข้างต้นหรือไม่นั้น  คงต้องแยกพิจารณาเป็นการสิ้นสุดของคดีล้มละลายเป็นกรณีๆ  ไป  ได้แก่
                กรณีศาลมีคำสั่งปลดลูกหนี้จากการล้มละลาย  ซึ่งผลของการปลดจากการล้มละลายพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๗๗  กำหนดว่า  คำสั่งปลดจากการล้มละลาย  ทำให้บุคคลล้มละลายหลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงอันพึงขอรับชำระหนี้ได้  เว้นแต่หนี้เกี่ยวกับภาษีอากรหรือหนี้ที่ได้เกิดขึ้นโดยการทุจริตฉ้อโกงของบุคคลล้มละลาย  เช่นนี้ในหนี้ส่วนที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้เมื่อได้รับการปลดจากล้มละลายหาทำให้บุคคลล้มละลายหลุดพ้นแต่อย่างใดไม่  ตามตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่า  ในกรณีที่ลูกหนี้ก่อหนี้ละเมิดในขณะที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด  แม้ว่าศาลจะมีคำสั่งปลดจากลูกหนี้จากการล้มละลาย  แต่ลูกหนี้ก็ยังต้องรับผิดมูลหนี้ละเมิดที่ก่อให้เกิดขึ้น
                กรณีศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย  หากว่าเป็นการยกเลิกการล้มละลาย  ตามมาตรา  ๑๓๕(๑)  หรือ  (๒)  นั้น  ไม่ทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้สินแต่อย่างใด  กล่าวคือ  ลูกหนี้เคยเป็นหนี้อยู่เช่นใดก็คงเป็นหนี้อยู่เช่นนั้น  ในหนี้ส่วนที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ในคดีล้มละลาย  หากว่าต่อมาศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของลูกหนี้  ตามมาตรา  ๑๓๕(๑)  หรือ  (๒)  ลูกหนี้ก็ไม่หลุดพ้นจากหนี้ดังกล่าว  ส่วนกรณีที่ศาลมีคำสั่งยกเลิกจากการล้มละลายของลูกหนี้  ตามมาตรา  ๑๓๕(๓)  หรือ  (๔)  ซึ่งได้แก่  กรณีที่หนี้สินของเจ้าหนี้ที่ขอรับชำระหนี้นั้นได้มีการชำระเต็มจำนวนแล้ว  หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แบ่งทรัพย์ครั้งที่สุด  หรือไม่มีทรัพย์สินจะแบ่งให้แก่เจ้าหนี้แล้ว  ต่อแต่นั้นมาภายในกำหนด  ๑๐  ปี  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ไม่อาจรวบรวมทรัพย์สินของบุคคลล้มละลายได้อีก  ตามมาตรา  ๑๓๕(๓)  หรือ  (๔)  ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงนั้น  ก็หมายความเฉพาะหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้อันจะต้องเข้าสู่กระบวนการขอรับชำระหนี้  และแบ่งทรัพย์สินในคดีล้มละลายเท่านั้น  ส่วนหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้  ซึ่งได้แก่  หนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  หรือหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเข้าไปจัดกิจการและทรัพย์สินของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ลูกหนี้ก็หาหลุดพ้นจากหนี้ดังกล่าวนั้น แต่อย่างใดไม่
(Unprovable Debt in Bankruptcy)
                                                                        อาจารย์เอื้อน  ขุนแก้ว
                ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย  พ.ศ.  ๒๔๘๓  ได้กำหนดลักษณะของหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้  (provable  debt)  ไว้ในมาตรา  ๙๔  ว่า  หนี้ดังกล่าวนั้นมูลแห่งหนี้ได้เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  และไม่เข้าข้อยกเว้นตามมาตรา ๙๔  (๑)  หรือ  (๒)  ในมูลหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้นั้น  เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว  เจ้าหนี้จะได้รับชำระหนี้ก็แต่โดยปฏิบัติตามวิธีการที่กล่าวไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  กล่าวคือ  ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ทั้งนี้แม้ว่าเจ้าหนี้ดังกล่าวนั้นจะเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา  หรือเจ้าหนี้ที่ได้ฟ้องคดีแพ่งไว้แล้วแต่คดีอยู่ระหว่างพิจารณาก็ตาม  ตามมาตรา  ๒๗  โดยหนี้ที่อาจขอรับชำระได้นั้นจะต้องเป็นหนี้เงิน  แต่ในคดีล้มละลายยังมีหนี้เข้ามาเกี่ยวข้องอีกหลายส่วน  อันเป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ซึ่งสามารถจะแยกพิจารณาออกได้เป็น    กลุ่ม
                ก.  หนี้ที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
                แม้ว่าหนี้ส่วนนี้จะมีอยู่ก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  แต่หนี้ดังกล่าวไม่อาจขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้  ได้แก่
                ๑.  หนี้ที่เกิดขึ้นโดยฝ่าฝืนข้อห้ามตามกฎหมาย  หรือศีลธรรมอันดี  หรือหนี้ที่ฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้  (มาตรา  ๙๔  (๑))  เช่น  หนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ  ซึ่งลูกหนี้ทำขึ้นภายหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  หนี้ตามคำพิพากษาซึ่งหมดระยะเวลาบังคับคดี  หรือหนี้ที่ขาดอายุความ  หรือหนี้ที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้กระทำขึ้นเมื่อเจ้าหนี้ได้รู้ถึงการที่ลูกหนี้นั้นมีหนี้สินล้นพ้นตัวแล้ว  (มาตรา  ๙๔  (๒))  เช่น  หนี้ซึ่งกรรมการของบริษัทลูกหนี้ให้ลูกหนี้กู้ยืมเงินของตนในขณะที่ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว  หนี้ส่วนนี้แม้ว่าจะเป็นหนี้เงินเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  แต่กฎหมายห้ามมิให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย  หนี้ส่วนนี้เจ้าหนี้จึงไม่มีโอกาสได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้ในคดีล้มละลายเลย
                ๒.  หนี้ที่มิใช่หนี้เงิน  อาจจะเป็นหนี้ที่ลูกหนี้ต้องกระทำการหรืองดเว้นกระทำการหรือส่งมอบทรัพย์สิน  หนี้ในส่วนนี้แม้ว่าจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แต่ไม่อาจยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย  เพราะหนี้ที่สามารถยื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายนั้นจำกัดอยู่เฉพาะหนี้เงิน
                ตัวอย่าง  ก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ขายที่ดินให้แก่เจ้าหนี้    แปลง  และเจ้าหนี้ได้ชำระเงินครบถ้วนแล้ว  ลูกหนี้จึงมีหน้าที่โอนที่ดินให้แก่เจ้าหนี้  แต่เมื่อลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  เจ้าหนี้ก็ย่อมฟ้องบังคับให้มีการโอนที่ดินดังกล่าวให้แก่ตนได้  หนี้ส่วนนี้เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ หากว่าเป็นหนี้ที่เกี่ยวกับกองทรัพย์สินของลูกหนี้  หรือเกี่ยวกับทรัพย์สินอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  เจ้าหนี้สามารถที่จะบังคับชำระหนี้ได้โดยการฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ในฐานะผู้มีอำนาจดำเนินกิจการแทนลูกหนี้เป็นจำเลย
                กรณีเกี่ยวกับกองทรัพย์สิน
                คำพิพากษาฏีกาที่  ๓๖๒๕/๒๕๒๗  โจทก์ฟ้องเรียกที่ดินคืนจากจำเลยที่    โดยขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขาย  โอนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแทนจำเลยที่    หากไม่สามารถทำได้ให้ใช้ราคาพร้อมค่าเสียหายซึ่งเป็นคดีเกี่ยวกับทรัพย์สินโดยตรง  เมื่อปรากฎว่าศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยที่    แล้ว  โจทก์ย่อมไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๖๘๖/๒๕๕๑  พระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๖  และมาตรา  ๒๗  ที่ห้ามมิให้เจ้าหนี้ฟ้องคดีแพ่งอันเกี่ยวกับหนี้ซึ่งอาจขอรับชำระหนี้ได้นั้นห้ามเฉพาะหนี้เงิน  ส่วนหนี้ที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่กันซึ่งเจ้าหนี้ไม่อาจขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เพราะมิใช่หนี้เงิน  ไม่อยู่ในบังคับที่ห้ามมิให้ฟ้อง  และโดยเหตุที่ผู้ล้มละลายไม่มีอำนาจจัดการทรัพย์สินหรือต่อสู้คดีใดๆ  เกี่ยวกับทรัพย์สินของตนเองอีกต่อไป  แต่เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว  ตามมาตรา  ๒๒(๑)  (๓)  ทั้งหนี้ที่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินก็เกิดขึ้นก่อนศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  โจทก์จึงฟ้องจำเลยในฐานะเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของผู้ล้มละลายให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแก่โจทก์ได้
                กรณีไม่เกี่ยวกับกองทรัพย์สิน
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๗๕๑๘/๒๕๓๘  โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้ออกจากที่ดินที่เช่าซึ่งเป็นทรัพย์สินของโจทก์  โดยมิได้เรียกให้จำเลยชดเชยค่าเสียหาย  จึงไม่เกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของจำเลย  แม้จำเลยจะถูกพิทักษ์ทรัพย์ในระหว่างพิจารณา  จำเลยก็ต่อสู้คดีได้โดยลำพังโดยไม่ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้ามาดำเนินคดีแทน
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๒๖๕๐/๒๕๕๐  แม้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  และ  ๒๔  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวมีอำนาจจัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้ฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใดๆ  เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้  และห้ามมิให้ลูกหนี้กระทำการใดๆ  เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน  แต่การที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืน  โดยมิได้เรียกร้องค่าเสียหายอื่นจากจำเลย  เป็นการขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่งและเป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์ของโจทก์คืน  เป็นหนี้ที่มิอาจขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายได้  โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยเป็นคดีแพ่งได้
                ข.  หนี้ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์
                แม้ว่าเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจในการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ตามมาตรา  ๒๒  ลูกหนี้จะกระทำการใดๆ  เกี่ยวกับกิจการหรือทรัพย์สินของตนไม่ได้  เว้นแต่ในการกระทำนั้นลูกหนี้จะได้กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาลเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือผู้จัดการทรัพย์  หรือที่ประชุมเจ้าหนี้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๔  หากลูกหนี้ฝ่าฝืนบัญญัติดังกล่าว  นิติกรรมนั้นถือว่าขัดต่อพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  และมาตรา  ๒๔  อันเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน  ตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  ๑๕๐  แต่หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์  ก็อาจจะมีหนี้ที่ลูกหนี้หรือกองทรัพย์สินของลูกหนี้จะต้องรับผิด  ได้แก่  หนี้ที่ลูกหนี้ได้ก่อให้เกิดขึ้นโดยได้รับความเห็นชอบ  ตามมาตรา  ๒๔  หรือหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการจัดกิจการของลูกหนี้โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
                ๑.  หนี้ที่ลูกหนี้ก่อให้เกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  หากว่าลูกหนี้ทำนิติกรรมใดโดยได้รับคำสั่งหรือความเห็นชอบตามมาตรา  ๒๔  หรือลูกหนี้ก่อเหตุละเมิดขึ้น  เช่นนี้  มูลหนี้ดังกล่าวนั้นย่อมบังคับได้ตามกฎหมาย  หนี้ส่วนนี้เป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ในการล้มละลายของลูกหนี้  เนื่องจากมูลแห่งหนี้เกิดขึ้นภายหลังศาลวันที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  แต่มูลหนี้ดังกล่าวเป็นมูลหนี้ที่สามารถบังคับได้และผูกพันลูกหนี้
                ตัวอย่าง  หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้  ลูกหนี้ขับรถชนคนได้รับบาดเจ็บ  กรณีเป็นการกระทำละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์  มาตรา  ๔๒๐  และมาตรา  ๔๓๗  ผู้ได้รับบาดเจ็บสามารถฟ้องลูกหนี้เป็นคดีแพ่งต่อศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีแพ่งได้  และเมื่อศาลพิพากษาแล้ว  เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของลูกหนี้ในส่วนที่ไม่ตกอยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  หรือจะไปบังคับคดีภายหลังจากลูกหนี้หลุดพ้นจากการล้มละลายแล้วก็ได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๔๘๕๑/๒๕๔๕  ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๔  และ  ๒๕  การที่บุคคลล้มละลายจำนองที่ดินของตนแก่ผู้รับจำนองเพื่อเป็นประกันหนี้ของผู้อื่นภายหลังที่ศาลได้พิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลายแล้ว  เป็นการกระทำเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้อันมีผลผูกพันในที่ดินที่จะต้องถูกบังคับคดีในที่สุดหากไม่ชำระหนี้  และฝ่าฝืนต่อกฎหมายเพราะไม่ได้กระทำตามคำสั่งหรือความเห็นชอบของศาลหรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  นิติกรรมจำนองจึงตกเป็นโมฆะ  มิใช่กรณีที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องเข้าว่าคดีแพ่งอันเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลตามบทบัญญัติดังกล่าวด้วย  แม้หากการกระทำของลูกหนี้จะเป็นการละเมิดต่อโจทก์และมีหนี้ที่จะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์  แต่หนี้ดังกล่าวก็เกิดขึ้นภายหลังที่ศาลได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว  โจทก์ไม่อาจนำมาขอยื่นรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๗,  ๙๑  และ  ๙๔  โจทก์ชอบที่จะฟ้องลูกหนี้เป็นจำเลยโดยตรง  โจทก์จะฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นจำเลยแทนลูกหนี้หาได้ไม่
                ๒.  หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการจัดกิจการทรัพย์สินของลูกหนี้  โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าไปจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้แล้วเกิดหนี้ที่กองทรัพย์สินของลูกหนี้จะต้องรับผิด  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่นำเงินจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ไปชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ดังกล่าว  ในกรณีเช่นนี้หากต่อมาลูกหนี้พ้นจากการล้มละลายแล้ว  ลูกหนี้จะต้องรับผิดหนี้ดังกล่าวด้วย
                หนี้ที่เกิดขึ้นจากการจัดกิจการกองทรัพย์สิน  แยกพิจารณาดังนี้
                ๒.๑  หนี้ค่าจ้างแรงงาน  การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ซึ่งเป็นนายจ้างนั้น  มิได้ทำให้สัญญาจ้างแรงงานสิ้นสุดลง  ถือว่าลูกหนี้และเจ้าหนี้ยังคงเป็นลูกจ้างนายจ้างกันต่อไป  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่จะต้องนำเงินจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้มาชำระค่าจ้างดังกล่าว  หากว่ามีการเลิกจ้างเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ก็มีหน้าที่จะต้องจ่ายค่าชดเชยตามที่กฎหมายกำหนดไว้  และหากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ชำระ  ลูกจ้างก็สามารถฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ให้นำเงินจากกองทรัพย์สินชำระหนี้ได้
                คำพิพากษาฎีกาที่ ๘๙๒๓-๘๙๒๔/๒๕๕๑  เมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัท  ก.  ลูกหนี้แล้ว  อำนาจในการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้หรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ที่ค้างชำระอยู่เสร็จสิ้นไปเป็นอำนาจของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  จำเลยจึงเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท  ก.  ลูกหนี้ผู้เป็นนิติบุคคล  การที่จำเลยจ้างโจทก์ทั้งห้าหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวโดยจ่ายค่าจ้างจากกองทรัพย์สินของบริษัท  ก.  ลูกหนี้  โจทก์ทั้งห้าจึงเป็นลูกจ้างของบริษัท  ก.  ลูกหนี้โดยมีจำเลยเป็นผู้กระทำการแทน  จำเลยมีฐานะเป็นนายจ้างโจทก์ทั้งห้าตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.  ๒๕๔๑  มาตรา    เมื่อพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน  พ.ศ.  ๒๕๒๒  มาตรา    บัญญัติให้ศาลแรงงานมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งในคดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน  และโจทก์ทั้งห้าฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.  ๒๕๔๑  โจทก์ทั้งห้าจึงมีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๔๑๑๔/๒๕๒๘  เมื่อจำเลยที่    ถูกพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  ย่อมหมดอำนาจที่จะดำเนินกิจการงานของตนต่อไป  แต่จำเลยที่    ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  มีอำนาจตามกฎหมายที่จะจัดการหรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของจำเลยที่    และไม่มีบทกฎหมายใดบัญญัติว่าลูกจ้างของลูกหนี้หมดสิทธิที่จะทำงานให้ลูกหนี้ต่อไป  ดังนั้นเมื่อจำเลยที่    บอกเลิกจ้างโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่    จึงเป็นการเลิกจ้างตามกฎหมายเงินค่าชดเชยซึ่งกฎหมายแรงงานบังคับให้จำเลยที่    ต้องจ่ายให้แก่โจทก์นั้นเกิดขึ้นหลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  ย่อมเป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระได้  ตามมาตรา  ๙๔  แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  แต่เมื่อจำเลยที่    ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้จัดการกิจการทรัพย์สินแทนจำเลยที่    แล้วเกิดมีเงินที่กฎหมายบังคับให้จ่ายเกิดขึ้น  จำเลยที่    ก็มีหน้าที่ต้องเอาเงินของจำเลยที่    จ่ายแทนจำเลยที่    โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่    ให้จ่ายเงินค่าชดเชยได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๕๕๒๓/๒๕๕๒  การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดมีผลเพียงทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถกระทำการใดๆเกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน  ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้จัดการหรือกระทำการแทน  ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  และ  ๒๔  หามีผลทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้ผู้เป็นนายจ้างกับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นลูกจ้างสิ้นสุดไปด้วยไม่  ทั้งไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่า  เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้วลูกจ้างของลูกหนี้หมดสิทธิ  ที่จะทำงานให้ลูกหนี้ต่อไปแม้ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด  เจ้าหนี้ก็ยังมีฐานะเป็นลูกจ้างของลูกหนี้อยู่นั่นเอง  กรณียังไม่ถือว่ามีการเลิกจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ  มาตรา  ๑๑๘
                ๒.๒  หนี้ภาษีอากร  หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  หากปรากฏว่าลูกหนี้มีทรัพย์สินและเกิดหนี้ภาษีอากร  ซึ่งกองทรัพย์สินจะต้องรับผิด  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่ต้องนำเงินจากกองทรัพย์สินมาชำระหนี้ภาษีอากรดังกล่าว  หากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ชำระ  เจ้าหนี้ภาษีอากรดังกล่าวสามารถฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นจำเลยได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๒๔๕๙/๒๕๓๓  บริษัทลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแต่ยังเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ในระหว่างนั้นย่อมต้องมีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่  พระราชบัญญัติล้มละลายฯมิได้กำหนดมิให้ฟ้องเกี่ยวกับหนี้ที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายหลังถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  ซึ่งเป็นหนี้ที่ไม่สามารถขอรับชำระหนี้ได้ภายในเวลาตามที่พระราชบัญญัติล้มละลายฯ  กำหนดไว้การเกิดหนี้ขึ้นโดยผลของกฎหมายเช่นนี้เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องดำเนินการแทนลูกหนี้  เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการโต้แย้งสิทธิของโจทก์เกี่ยวกับภาษีรายนี้  โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องให้รับผิดได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๑๐๔๗/๒๕๓๔  จำเลยเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้ปรากฏว่าลูกหนี้เป็นหนี้ภาษีบำรุงท้องที่ต่อโจทก์  เจ้าพนักงานของโจทก์จึงได้แจ้งการประเมินไปยังจำเลยเพื่อให้ชำระค่าภาษีดังกล่าวดังนี้  การแจ้งการประเมินจึงเป็นการปฏิบัติตามวิธีการที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติภาษีบำรุงท้องที่  พ.ศ.  ๒๕๐๘  มาตรา  ๔๘  ไม่ใช่เรื่องการขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๙๑  การที่จำเลยมีหนังสือไปถึงผู้อำนวยการเขตลาดกระบังแจ้งว่า  หนี้ค่าภาษีบำรุงท้องที่เป็นหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระได้นั้น  เป็นเรื่องที่นอกเหนืออำนาจตามกฎหมาย  เท่ากับเป็นการแจ้งความคิดเห็นของจำเลยไปให้ผู้อำนวยการเขตลาดกระบังทราบเท่านั้น  ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีคำวินิจฉัยในเรื่องคำขอรับชำระหนี้  จึงไม่มีผลผูกพันใดๆ  ต่อโจทก์  โจทก์จึงไม่ต้องร้องคัดค้านความเห็นของจำเลยตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๑๔๖  ก่อน  ฉะนั้น  การที่จำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของลูกหนี้เนื่องจากลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  และได้จัดให้เช่าที่ดินของลูกหนี้  จำเลยจึงมีหน้าที่ชำระภาษีบำรุงท้องที่  ตามมาตรา  ๓๕  วรรคสอง  หนี้เงินภาษีดังกล่าวเป็นหนี้ที่กฎหมายบังคับให้ต้องชำระ  แม้จะเกิดขึ้นภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  จำเลยก็ยังมีหน้าที่ชำระหนี้แทนลูกหนี้
                หนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการจัดกิจการทรัพย์สินของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น  ถือว่าเป็นหนี้ที่จะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ  ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๑๓๐(๒)  เช่นนี้  หากว่าทรัพย์สินในกองทรัพย์สินมีไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทุกลำดับ  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องนำเงินที่ได้จากการรวบรวมในกองทรัพย์สินมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการจัดกิจการและทรัพย์สินก่อน
                ผลของการสิ้นสุดคดีล้มละลาย
                การที่คดีล้มละลายสิ้นสุดลงนั้น  ปัญหาว่าลูกหนี้จะต้องรับผิดหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระได้ตามที่กล่าวมาข้างต้นหรือไม่นั้น  คงต้องแยกพิจารณาเป็นการสิ้นสุดของคดีล้มละลายเป็นกรณีๆ  ไป  ได้แก่
                กรณีศาลมีคำสั่งปลดลูกหนี้จากการล้มละลาย  ซึ่งผลของการปลดจากการล้มละลายพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๗๗  กำหนดว่า  คำสั่งปลดจากการล้มละลาย  ทำให้บุคคลล้มละลายหลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงอันพึงขอรับชำระหนี้ได้  เว้นแต่หนี้เกี่ยวกับภาษีอากรหรือหนี้ที่ได้เกิดขึ้นโดยการทุจริตฉ้อโกงของบุคคลล้มละลาย  เช่นนี้ในหนี้ส่วนที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้เมื่อได้รับการปลดจากล้มละลายหาทำให้บุคคลล้มละลายหลุดพ้นแต่อย่างใดไม่  ตามตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่า  ในกรณีที่ลูกหนี้ก่อหนี้ละเมิดในขณะที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด  แม้ว่าศาลจะมีคำสั่งปลดจากลูกหนี้จากการล้มละลาย  แต่ลูกหนี้ก็ยังต้องรับผิดมูลหนี้ละเมิดที่ก่อให้เกิดขึ้น
                กรณีศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลาย  หากว่าเป็นการยกเลิกการล้มละลาย  ตามมาตรา  ๑๓๕(๑)  หรือ  (๒)  นั้น  ไม่ทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้สินแต่อย่างใด  กล่าวคือ  ลูกหนี้เคยเป็นหนี้อยู่เช่นใดก็คงเป็นหนี้อยู่เช่นนั้น  ในหนี้ส่วนที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้ในคดีล้มละลาย  หากว่าต่อมาศาลมีคำสั่งยกเลิกการล้มละลายของลูกหนี้  ตามมาตรา  ๑๓๕(๑)  หรือ  (๒)  ลูกหนี้ก็ไม่หลุดพ้นจากหนี้ดังกล่าว  ส่วนกรณีที่ศาลมีคำสั่งยกเลิกจากการล้มละลายของลูกหนี้  ตามมาตรา  ๑๓๕(๓)  หรือ  (๔)  ซึ่งได้แก่  กรณีที่หนี้สินของเจ้าหนี้ที่ขอรับชำระหนี้นั้นได้มีการชำระเต็มจำนวนแล้ว  หรือเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้แบ่งทรัพย์ครั้งที่สุด  หรือไม่มีทรัพย์สินจะแบ่งให้แก่เจ้าหนี้แล้ว  ต่อแต่นั้นมาภายในกำหนด  ๑๐  ปี  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ไม่อาจรวบรวมทรัพย์สินของบุคคลล้มละลายได้อีก  ตามมาตรา  ๑๓๕(๓)  หรือ  (๔)  ซึ่งจะทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากหนี้ทั้งปวงนั้น  ก็หมายความเฉพาะหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้อันจะต้องเข้าสู่กระบวนการขอรับชำระหนี้  และแบ่งทรัพย์สินในคดีล้มละลายเท่านั้น  ส่วนหนี้ที่ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้  ซึ่งได้แก่  หนี้ที่เกิดขึ้นภายหลังศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์แล้ว  หรือหนี้ที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเข้าไปจัดกิจการและทรัพย์สินของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ลูกหนี้ก็หาหลุดพ้นจากหนี้ดังกล่าวนั้น แต่อย่างใดไม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น