วิชา พระธรรมนูญศาลยุติธรรม , พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 ,พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 สามารถค้นหาคำพิพากษาฎีกาภายใน 1o ปี หลังสุดได้แล้วครับ จะเร่งเพิ่มวิชาต่อไปให้เสร็จตามมาเรื่อยๆครับ

จำหน่ายเอกสารรวมคำพิพากษาฎีกา 10 ปี ล่าสุด แยกเป็นรายวิชา

จำหน่ายเอกสารรวมคำพิพากษาฎีกา 10 ปี ล่าสุด แยกเป็นรายวิชา
www.lawbooks-by-mrt.blogspot.com

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทบาทและฐานะของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย

                บทบาทและฐานะของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในคดีล้มละลาย
อาจารย์เอื้อน  ขุนแก้ว
ในการดำเนินกระบวนพิจารณาในคดีล้มละลายนั้น  มีทั้งการดำเนินกระบวนการพิจารณาที่ได้กระทำในศาลและการดำเนินกระบวนการพิจารณาในชั้นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  (มาตรา  )  แม้ว่ากระบวนพิจารณาคดีล้มละลายจะเริ่มต่อเมื่อมีการยื่นคำฟ้องหรือคำร้องขอต่อศาลล้มละลาย  แต่เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด  หรือมีคำสั่งให้จัดการทรัพย์มรดกของลูกหนี้ที่ตายตามกฎหมายแล้ว  กระบวนการในการจัดการทรัพย์สินก็จะไปดำเนินการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ซึ่งกระบวนพิจารณาส่วนใหญ่ของคดีล้มละลายนั้นจะดำเนินการในชั้นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เราจะเห็นได้ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นกลไกที่สำคัญและมีบทบาทสำคัญยิ่งในการที่จะทำให้กระบวนพิจารณาในคดีล้มละลายนั้นได้ดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการใช้บังคับกฎหมาย
ฐานะของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นข้าราชการพลเรือนสังกัดอยู่กรมบังคับคดี  กระทรวงยุติธรรม  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะได้รับการแต่งตั้งโดยเฉพาะตัวหรือโดยตำแหน่งหน้าที่ให้เป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม  (มาตรา  ๑๓๙)
บทบาทของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีบทบาทในหลาย ๆ  ส่วนด้วยกันทั้งในส่วนที่อยู่ในฐานะตัวแทนของลูกหนี้และในฐานะเจ้าพนักงานของกระบวนการยุติธรรม  ซึ่งพอจะสามารถแยกพิจารณาแง่มุมดังกล่าว  ได้ดังนี้
ฐานะตัวแทนของเจ้าหนี้
เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้แล้ว  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะมีอำนาจหน้าที่ในการรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้มาเพื่อจะดำเนินการจำหน่ายแล้วนำเงินมาแบ่งแก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย
มาตรา  ๒๒  เมื่อศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้แล้ว  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจดังต่อไปนี้
()  จัดการและจำหน่ายทรัพย์สินของลูกหนี้  หรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ที่ค้างอยู่เสร็จสิ้นไป
()  เก็บรวบรวมและรับเงิน  หรือทรัพย์สินซึ่งจะตกได้แก่ลูกหนี้  หรือซึ่งลูกหนี้สิทธิที่จะได้รับจากผู้อื่น
                ()ประนีประนอมยอมความหรือฟ้องร้องหรือต่อสู้คดีใดๆ  เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้
                ในการเก็บรวมรวมทรัพย์สินของลูกหนี้นั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีอำนาจในการรวบรวมทรัพย์สินอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลาย  (bankruptcy  estate)  ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๑๐๙  กล่าวคือ  เป็นทรัพย์สินทั้งหลายที่ลูกหนี้มีอยู่แล้วในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลาย  รวมทั้งสิทธิเรียกร้องเหนือทรัพย์สินของบุคคลอื่น  หรือทรัพย์สินที่ลูกหนี้ได้มาภายหลังเวลาการเริ่มต้นแห่งการล้มละลายจนถึงเวลาแห่งปลดจากล้มละลาย  รวมทั้งสิ่งของซึ่งอยู่ในครอบครอง  หรืออำนาจสั่งการหรือสั่งจำหน่ายของธุรกิจของลูกหนี้ด้วยความยินยอมของเจ้าของอันแท้จริง  โดยพฤติการณ์ซึ่งทำให้เห็นว่าลูกหนี้เป็นเจ้าของขณะที่มีการขอให้ล้มละลาย  อำนาจในการรวบรวมทรัพย์สินดังกล่าวเป็นขของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แม้ว่าต่อมาลูกหนี้ได้รับการปลดจากการล้มละลาย  (discharge)  ตามมาตรา  ๗๑  หรือพ้นจากการล้มละลายโดยผลของกฎหมาย  (automatic  discharge)  ตามมาตรา  ๘๑/๑  แล้ว  แต่การรวบรวมทรัพย์สินอันอาจพึงได้ในคดีล้มละลายนั้นยังไม่เสร็จ  หรือยังมิได้รวบรวมทรัพย์สินบางรายการและเจ้าหนี้ก็ยังมิได้รับชำระหนี้ครบถ้วน  เช่นนี้  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจในการรวบรวมทรัพย์สินอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลาย  เพื่อนำมาจำหน่ายแล้วนำมาชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ต่อไปจนกว่าการรวบรวมนั้นจะเสร็จสิ้น  หรือเจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ครบถ้วนแล้ว
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๔๔๗๒/๒๕๕๒  เมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียวมีอำนาจเก็บรวบรวมและรับเงินหรือทรัพย์สินซึ่งจะตกได้แก่ลูกหนี้หรือซึ่งลูกหนี้มีสิทธิจะได้รับจากผู้อื่นตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒()  โดยทรัพย์สินดังกล่าวต้องเป็นทรัพย์สินในคดีล้มละลายอันอาจแบ่งแก่เจ้าหนี้ได้ซึ่งได้แก่  ทรัพย์สินทั้งหลายที่ลูกหนี้มีอยู่ในเวลาเริ่มต้นแห่งการล้มละลายรวมทั้งสิทธิเรียกร้องเหนือยกทรัพย์สินของบุคคลอื่นตามมาตรา  ๑๐๙()การที่ศาลมีคำสั่งปลดลูกหนี้จากล้มละลายก็เป็นเพียงทำให้ลูกหนี้หลุดพ้นจากการเป็นบุคคลล้มละลายแล้วไปเริ่มต้นในการดำเนินชีวิตหรือธุรกิจใหม่ต่อไป  โดยในส่วนของทรัพย์สินอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลาย  ที่ยังมิได้นำมาจัดการจำหน่ายเพื่อแบ่งชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย  ย่อมตกอยู่ในบังคับที่พนักงานพิทักษ์ทรัพย์สินอันอาจแบ่งได้ในคดีล้มละลาย  ที่ยังมิได้นำมาจัดการจำหน่ายเพื่อแบ่งชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ทั้งหลาย  ย่อมตกอยู่ในบังคับที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จำต้องดำเนินการต่อไปจนกว่าจะแล้วเสร็จ  โดยที่บุคคลล้มละลายซึ่งได้รับการปลดจากการล้มละลายนั้น  ยังมีหน้าที่ช่วยในการจำหน่ายและแบ่งทรัพย์สินของตนซึ่งตกอยู่กับเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องการตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๗๙  วรรคหนึ่ง
                ฐานะตัวแทนของลูกหนี้
                ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น  เรายังถือว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นตัวแทนของลูกหนี้ในการดำเนินกระบวนพิจารณาต่างๆ  ในมาตรา  ๒๕  บัญญัติว่า  ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีแพ่งทั้งปวงอันเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้  ซึ่งค้างพิจารณาอยู่ในศาลขณะที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์และเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีคำขอโดยทำเป็นคำร้อง  ศาลมีอำนาจงดการพิจารณาเรื่องนั้นไว้  หรือจะสั่งประการใดตามที่เห็นสมควรก็ได้
                การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะเข้าว่าคดีหรือไม่นั้น  ถือว่าเป็นดุลพินิจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  โดยเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องพิจารณาถึงส่วนได้เสียของกองทรัพย์สินของลูกหนี้เป็นสำคับ  กล่าวคือหากว่าหนี้ดังกล่าวนั้นเป็นหนี้ที่อาจขอรับชำระหนี้ได้  แต่เจ้าหนี้ไม่ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ภายในกำหนดเวลา  ตามมาตรา  ๒๗  และมาตรา  ๙๑  เช่นนี้  หากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีดังกล่าวก็ย่อมมีผลให้เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ได้ภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา  ๙๓  คือสองเดือน  นับแต่คดีถึงที่สุดอย่างไรก็ตาม  ในกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีแถลงไม่ขอเข้าว่าคดีแทนลูกหนี้นั้น  ศาลจะมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีหรือไม่นั้นได้ถือเป็นดุลพินิจของศาลเช่นกัน  กล่าวคือ  แม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะแถลงไม่ขอเข้าว่าคดีแต่หากว่ามีเหตุผลพิเศษ  เพื่อให้กระบวนพิจารณาดำเนินไปโดยเที่ยงธรรม  ศาลย่อมมีอำนาจสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีดังกล่าวนั้นได้
                ในการปฏิบัติหน้าที่  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินการต่างๆ  ตามมาตรา  ๑๔๕  ได้ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบของกรรมการเจ้าหนี้แล้ว  คือ
(๑)      ถอนการยึดทรัพย์ในคดีล้มละลาย
(๒)    โอนทรัพย์สินใดๆ  นอกจากโดยวิธีการขายทอดตลาด
(๓)     สละสิทธิ
(๔)     ฟ้องหรือถอนฟ้องคดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินในคดีล้มละลาย  หรือฟ้อง  หรือถอนฟ้องคดีล้มละลาย
(๕)     ประนีประนอมยอมความ  หรือมอบคดีให้อนุญาตตุลาการวินิจฉัย
                นอกจากนี้  ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้  เมื่อได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมเจ้าหนี้แล้ว  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะดำเนินธุรกิจของลูกหนี้ที่ค้างอยู่  เพื่อชำระสะสางกิจการนั้นให้เสร็จไปก็ได้  (มาตรา  ๑๒๐)
                ฐานะเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม
                ในส่วนนี้อำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สามารถแยกออกได้เป็น    ส่วน  คืออำนาจในส่วนของการควบคุมความประพฤติของลูกหนี้  และอำนาจในการทำคำวินิจฉัยหรือคำสั่งในสำนวนต่างๆ
ก.       อำนาจในส่วนของการควบคุมความประพฤติของลูกหนี้  ได้แก่
-ดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับความประพฤติ  กิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้เมื่อลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  ตามมาตรา  ๓๐
-รายงานเกี่ยวกับการประนอมหนี้กิจการ  ทรัพย์สินและความประพฤติของบุคคลล้มละลายก่อนหรือในระหว่างล้มละลายต่อศาลในการพิจารณาคำขอปลดจากล้มละลาย  ตามมาตรา  ๖๙
-ยื่นคำขอต่อศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งหยุดนับระยะเวลาในการปลดลูกหนี้จากการล้มละลาย  ในกรณีที่บุคคลล้มละลายไม่ให้ความร่วมมือในการรวบรวมทรัพย์สินโดยไม่มีเหตุอันสมควร  ตามมาตรา  ๘๑/๒  และมาตรา  ๘๑/๓
-ตรวจสอบว่าลูกหนี้กระทำความผิดอาญาเกียวกับการล้มละลายหรือไม่  และดำเนินการสอบสวน  ตามมาตรา  ๑๖๐
ข.  อำนาจในการทำคำวินิจฉัยหรือคำสั่ง  ได้แก่
-การทำความเห็นในสำนวนการขอรับชำระหนี้เสนอศาล  ตามมาตรา  ๑๐๕
-การทำคำสั่งในการอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้บุริมสิทธิ  ตามมาตรา  ๙๕
-การทำคำสั่งในสำนวนร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด  ตามมาตรา  ๑๕๘
คำใช้จ่ายของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์นั้น  ย่อมถือว่าเป็นการกระทำแทนกองทรัพย์สินของลูกหนี้  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมมีอำนาจเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หาต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด  นอกจากนี้เพื่อประโยชน์ในการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เห็นเป็นการจำเป็นที่จะต้องกู้ยืมเงิน  เมื่อได้รับอนุญาตจากศาลแล้วก็ให้กู้ยืมได้  (มาตรา  ๑๔๔)
หนี้ที่เกิดจากค่าใช้จ่ายของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
ในระหว่างการดำเนินการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์  หากว่ามีหนี้เกิดขึ้น  ไม่ว่าเป็นหนี้เกิดจากการจัดการกิจการทรัพย์สิน  เช่น  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไปดำเนินการว่าจ้างให้มีการขนย้ายทรัพย์สินของลูกหนี้  หรือในระหว่างการจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหนี้ภาษีอากรเกิดขึ้นหรือในระหว่างการดำเนินการจัดการทรัพย์สินนั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ดำเนินการจ้างลูกจ้างมีหนี้เกิดขึ้นตามกฎหมายแรงงาน  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีหน้าที่นำเงินจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้มาจ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิเรียกร้องดังกล่าว  ในการปฏิบัติหน้าที่นั้นเจ้าพนักงานพิทักษ์ย่อมมีความผูกพันตามบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
หนี้ภาษีอากร
คำพิพากษาฎีกาที่  ๒๔๕๙/๒๕๓๓บริษัทลูกหนี้ถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด  แต่ยังเป็นเจ้าของที่ดินอยู่ในระหว่างนั้น  ย่อมต้องมีหน้าที่เสียภาษีบำรุงท้องที่  พระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช  ๒๔๘๓  มิได้กำหนดมิให้ฟ้องเกี่ยวกับหนี้ที่เกิดขึ้นโดยผลของกฎหมายหลังถูกพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดซึ่งเป็นหนี้ที่ไม่สามารถขอรับชำระหนี้ได้ภายในเวลาตามที่พระราชบัญญัติล้มละลายฯ  กำหนดไว้การเกิดหนี้ขึ้นโดยผลของกฎหมายเช่นนี้เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องดำเนินการแทนลูกหนี้  เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ดำเนินการโต้แย้งสิทธิของโจทก์เกี่ยวกับภาษีรายนี้  โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องให้รับผิดได้
หนี้ตามกฎหมายแรงงาน
คำพิพากษาฎีกาที่  ๘๙๒๓-๘๙๒๔/๒๕๕๑  เมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัท  ก. ลูกหนี้แล้ว  อำนาจในการจัดการทรัพย์สินของลูกหนี้หรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้หรือกระทำการที่จำเป็นเพื่อให้กิจการของลูกหนี้ที่ค้างอยู่เสร็จสิ้นไปเป็นอำนาจของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  จำเลยจึงเป็นผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท  ก.  ลูกหนี้ผู้เป็นนิติบุคคล  การที่จำเลยจ้างโจทก์ทั้งห้า  หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ดังกล่าวโดยจ่ายค่าจ้างจากกองทรัพย์สินของบริษัท  ก.  ลูกหนี้  โจทก์ทั้งห้าจึงเป็นลูกจ้างของบริษัท  ก.  ลูกหนี้โดยมีจำเลยเป็นผู้กระทำแทน  จำเลยมีฐานะเป็นนายจ้างโจทก์ทั้งห้า  ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ.  ๒๕๔๑  มาตรา    เมื่อพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน  .ศ.  ๒๕๒๒  มาตรา    บัญญัติให้ศาลแรงงานมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีหรือมีคำสั่งในคคีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมาย  ว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน  และโจทก์ทั้งห้าฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน  พ.ศ. ๒๕๔๑  โจทก์ทั้งห้าจึงมีอำนาจ  ฟ้องจำเลยต่อศาลแรงงานกลางได้
                คำพิพากษาฎีกาที่  ๕๕๒๓/๒๕๔๒  การที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด  มีผลเพียงทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถกระทำการใดๆ  เกี่ยวกับทรัพย์สินหรือกิจการของตน  ต้องให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นผู้จัดการหรือกระทำการแทน  ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา  ๒๒  และ  ๒๔หามีผลทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้ผู้เป็นนายจ้างกับเจ้าหนี้ซึ่งเป็นลูกจ้างสิ้นสุดไปด้วยหรือไม่ทั้งไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่าเมื่อศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดแล้วลูกจ้างของลูกหนี้หมดสิทธิที่จะทำงานให้ลูกหนี้ต่อไป  แม้ศาลจะมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาด  เจ้าหนี้ก็ยังมีฐานะเป็นลูกจ้างของลูกหนี้อยู่นั่นเอง  กรณียังไม่ถือว่ามีการเลิกจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฯ  มาตรา  ๑๑๘  สิทธิในการรับเงินค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจึงไม่เกิดขึ้นก่อนวันที่ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้เด็ดขาดและต้องห้ามมิให้เจ้าหนี้ขอรับชำระหนี้  ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  มาตรา ๙๔
                มีข้อสังเกตว่า  หนี้ต่างๆ  ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ก่อขึ้น  เป็นหนี้ที่ถือว่ามีบุริมสิทธิเหนือหนี้อื่นๆ  อันถือได้ว่าเป็นค่าใช้จ่ายตามมาตรา  ๑๓๐ ()  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สามารถจ่ายชำระหนี้ได้ก่อนหนี้อื่นๆ
                ความรับผิดของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
                ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการรวบรวมทรัพย์สิน  หรือในการว่าความต่อสู้คดีต่างๆ  นั้น  หากเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตเพื่อประโยชน์แก่กองทรัพย์สินแล้วแม้จะมีความเสียหายเกิดขึ้น  เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็หาต้องรับผิดเป็นการส่วนตัวไม่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องรับผิดต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนาร้ายหรือประมาทเลินเล่อโดยร้ายแรง  ตามมาตรา  ๑๔๗  และในการฟ้องเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้กระทำหรือละเว้นการกระทำตามที่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลายฯ  นั้น  ถ้าไม่ได้ฟ้องภายในหกเดือนนับแต่วันเกิดอำนาจฟ้องให้ถือว่าขาดอายุความ  (มาตรา  ๑๔๘)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น