8914/2551 ศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลจังหวัดต้องมีผู้พิพากษาอย่างน้อยสองคนจึงเป็นองค์คณะที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 26 การที่ผู้ร้องไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนคำร้อง ศาลชั้นต้นโดยผู้พิพากษาคนเดียวมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ร้องขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบ โดยฟังข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องรู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิดของจำเลย ย่อมเป็นการไม่ชอบด้วยพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 24(2)และมาตรา 26 เนื่องจากการพิจารณาคดีดังกล่าวมีลักษณะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีซึ่งไม่อยู่ในอำนาจของผู้พิพากษาคนเดียวที่จะออกคำสั่งได้ตามมาตรา 25 จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จึงไม่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีโดยยกคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นขึ้นวินิจฉัยว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา166 ประกอบมาตรา 181 ต้องให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้ถูกต้องเสียก่อน
[อาจารย์ ธานิศ เกศวพิทักษ์ มีความเห็นกับคำพิพากษาฎีกานี้ดังนี้ "คดีนี้เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134 , 160ทวิ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ จึงเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของผู้พิพากษาคนเดียวเป็นองค์คณะมีอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 25(5) แม้โจทก์ฟ้องคดีนี้ต่อศาลจังหวัด ผู้พิพากษาคนเดียวของศาลจังหวัดก็เป็นองค์คณะมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ เพราะระบบองค์คณะตามมาตรา 26 อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 25 เมื่อคดีอาญาที่เป็นมูลให้ศาลพิพากษาริบของกลาง ผู้พิพากษาคนเดียวเป็นองค์คณะพิจารณาพิพากษาได้ คำร้องขอคืนของกลางในคดีเช่นว่านี้ก็น่าที่จะอยู่ในอำนาจของผู้พิพากษาคนเดียวตามมาตรา 25(5) เช่นกัน" ]
http://deka-by-mrt.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น