6555/2551
ข้อสัญญาเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันและคำขอเพิ่มเติมเปลี่ยนแปลงชื่อเจ้าของบัญชี ชื่อบัญชีและตัวอย่างลายมือชื่อระหว่างโจทก์กับจำเลยที่
2 มีว่า
การสั่งจ่ายเช็คต้องลงลายมือชื่อสั่งจ่ายโดย ว. และ
ค. จำเลยที่ 1 หรือ ส.
ร่วมกันพร้อมทั้งประทับตราบริษัทโจทก์เป็นสำคัญตามบัตรตัวอย่างลายมือชื่อและตราประทับ เมื่อปรากฎว่าลายมือชื่อ ว. ในเช็คพิพาทเป็นลายมือชื่อปลอม
เช็คพิพาทจึงเป็นอันใช้ไม่ได้เลย เพราะมีแต่เฉพาะจำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายแต่ผู้เดียว การที่จำเลยที่ 2
จ่ายเงินตามเช็คพิพาทย่อมไม่ทำให้เช็คนั้นหลุดพ้น
และยังเป็นการผิดสัญญาเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันดังกล่าวด้วย จำเลยที่ 1 เป็นเพียงกรรมการของโจทก์มิได้เป็นกรรมการผู้จัดการของโจทก์ การที่จำเลยที่ 1 นำเช็คพิพาทไปที่ธนาคารจำเลยที่
2 เพื่อนำเช็คพิพาทไปเบิกถอนจากบัญชีของโจทก์ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำการแทนโจทก์ในการยืนยันต่อจำเลยที่ 2 ว่า
ลายมือชื่อในเช็คพิพาทเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงของ ว.
และฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีส่วนร่วมรู้เห็นในการปลอมลายมือชื่อ ว.
โจทก์จึงมิใช่ผู้อยู่ในฐานเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมเป็นข้อต่อสู้
ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1008 วรรคหนึ่ง
จำเลยที่ 2
เป็นธนาคารผู้รับฝากเงินเป็นอาชีพโดยหวังผลประโยชน์ในบำเหน็จค่าฝากหรือการนำเงินของผู้ฝากไปแสวงหาประโยชน์
ย่อมมีหน้าที่ตามกฎหมายต้องใช้ความระมัดระวังและความรู้ความชำนาญในการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของลูกค้ามากกว่าคนธรรมดา ทั้งโจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด การจ่ายเงินในเช็คมีจำนวนเงินสูงถึง 3,000,000 บาท
แก่ผู้ถือโดยไม่ระบุชื่อผู้รับเงินและไม่ขีดคร่อมเช็คดังกล่าวย่อมเป็นพิรุธอยู่แล้ว จำเลยที่ 1
ผู้ร่วมสั่งจ่ายยังนำเงินที่ได้จากการสั่งจ่ายเช็คมาเข้าบัญชีออมทรัพย์ของจำเลยที่
1 ที่เปิดไว้กับจำเลยที่ 2
ยิ่งเป็นพิรุธมากขึ้น หากจำเลยที่ 2 ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยละเอียดรอบคอบตรวจลายมือชื่อในเช็คพิพาทตามสมควร
ก็จะต้องทราบได้ว่าลายมือชื่อ ว.
ในเช็คพิพาทเป็นลายมือชื่อปลอม
การที่จำเลยที่ 2 จ่ายเงินตามเช็คพิพาท
เหตุแห่งความเสียหายในเรื่องนี้เกิดจากการปลอมลายมือชื่อของ ว. กรรมการผู้จัดการของโจทก์ และจำเลยที่ 2 ไม่ใช้ความระมัดระวังในการตรวจลายมือชื่อดังกล่าว
แม้โจทก์จะเก็บรักษาสมุดเช็คและตราสำคัญของบริษัทไว้อย่างดี จำเลยที่ 1
ซึ่งเป็นกรรมการของโจทก์ด้วยก็มีหน้าที่ลงลายมือชื่อร่วมกับ ว. กรรมการผู้จัดการของโจทก์ จำเลยที่ 1
ก็อาจปลอมลายมือชื่อ ว.ได้อยู่ดี
การเก็บรักษาสมุดเช็คและตราประทับจึงไม่ใช่ผลโดยตรงที่จะให้บังเกิดการปลอมลายมือชื่อในเช็คแล้วนำไปขึ้นเงินได้สำเร็จ การที่จำเลยที่ 1
ลงลายมือชื่อแท้จริงในเช็คพิพาทและนำไปเบิกถอนเงินจากจำเลยที่ 2 ด้วยตนเอง
แต่เมื่อลายมือชื่อ ว. ในเช็คพิพาทเป็นลายมือชื่อปลอม
จึงไม่ทำให้โจทก์อยู่ในฐานเป็นผู้ต้องตัดบทมิให้ยกข้อลายมือชื่อปลอมของ ว. กรรมการผู้จัดการโจทก์ขึ้นเป็นข้อต่อสู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น