1185/2553 ขณะเจ้าพนักงานตำรวจตั้งจุดตรวจ ภ. ขับรถยนต์กระบะมีพวกนั่งอยู่ในห้องโดยสาร 1 คน และมีพวกอีก 4 คน
ซึ่งมีจำเลยรวมอยู่ด้วยนั่งที่กระบะรถยนต์
เมื่อมาถึงจุดตรวจแล้วไม่ยอมหยุดให้ตรวจกลับเร่งความเร็วรถหนีไป จ่าสิบตำรวจ จ.
สิบตำรวจตรี ท. และสิบตำรวจตรี ส. จึงกระโดดขึ้นไปบนกระบะรถยนต์ของกลาง
จำเลยกับพวกยินยอมให้เจ้าพนักงานตำรวจใส่กุญแจมือโดยดีไม่มีท่ามี่จะต่อสู้
หลังจากนั้นเจ้าพนักงานตำรวจใช้อาวุธปืนยิงขู่และทุบกระจกเพื่อให้ ก.
หยุดรถ แต่ ก. ยังคงขับรถต่อไป จนกระทั่งต่อมาเมื่อพวกคนหนึ่งตะโกนว่าสู้มัน
จำเลยกับพวกที่นั่งในกระบะรถยนต์เข้าต่อสู้กับสิบตำรวจตรี ท. และสิบตำรวจตรี ส.
แล้วพวกคนหนึ่งใช้อาวุธยิงสิบตำรวจตรี ส. ถึงแก่ความตาย
ส่วนพวกอีกคนที่นั่งในห้องโดยสารใช้อาวุธปืนยิงสิบตำรวจตรี ท.
ที่ใบหน้าได้รับอันตรายสาหัสโดยจำเลยถูกกระสุนปืนที่เท้าด้วย จากนั้น ภ. กับพวกนำเจ้าพนักงานตำรวจทั้งสองที่ถูกยิงไปทิ้งในซอยหมู่บ้านจัดสรร
พฤติการณ์แสดงว่าจำเลยกับพวกมิได้คบคิดกันจะฆ่าและพยายามฆ่าเจ้าพนักงานตำรวจตั้งแต่แรก
แต่การฆ่าและพยายามฆ่าดังกล่าวเกิดขึ้นในทันทีทันใดระหว่างมีการต่อสู้กันโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีการกระทำใดที่แสดงว่ามีส่วนร่วมด้วยแต่กลับถูกระสุนปืนจากการยิงต่อสู้กันเข้าที่เท้า
บ่งชี้ว่าน่าจะไม่รู้มาก่อนด้วยว่าจะมีการใช้อาวุธปืนยิงกันดังนี้ การกระทำของจำเลยยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกฆ่าสิบตำรวจตรี ส. และพยายามฆ่าสิบตำรวจตรี ท.(ม.83)
การที่ ภ.
ไม่ยอมหยุดรถเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจกระโดดขึ้นไปบนรถเพื่อจับกุม
แต่ยังคงขับรถต่อไปและเมื่อเจ้าพนักงานตำรวจกระทำการเพื่อให้ ภ. หยุดรถอีก แต่ ภ.
ก็ยังขับรถต่อไปทำให้เจ้าพนักงานตำรวจไม่สามารถลงจากรถมาตรวจค้นจำเลยกับพวกได้นั้น ภ.
กระทำไปโดยเจตนาหลบหนีให้พ้นการจับกุมให้ได้เท่านั้น
ยังไม่เพียงพอจะรับฟังว่ามีเจตนาหน่วงเหนี่ยวกักขัง
หรือทำให้เจ้าพนักงานตำรวจที่ขึ้นไปบนรถปราศจากเสรีภาพในร่างกาย(ม.310)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น