9603/2553 โจทก์ร่วมซื้อรถยนต์ตู้กับจำเลยในราคา 310,000 บาท
สัญญาระบุว่าจำเลยตกลงรับชำระราคารถยนต์จำนวน 200,000 บาท ในวันที่ 27 ตุลาคม 2540 ส่วนจำนวนที่เหลือจะชำระให้จำเลยในวันที่
3 พฤศจิกายน 2540
สัญญาซื้อขายดังกล่าวไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับการโอนกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ตู้ ดังนั้น จึงเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด
กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ตู้ย่อมโอนให้แก่โจทก์ร่วมตั้งแต่ขณะเมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา
453, 458
แม้จำเลยยังมิได้ส่งมอบคู่มือจดทะเบียนรถยนต์และโอนชื่อในทะเบียนให้แก่โจทก์ร่วมก็ตาม
จำเลยจึงไม่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รถยนต์ตู้
จำเลยขับรถยนต์ตู้ไปจากที่จอดรถ
เป็นการเอารถยนต์ตู้ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วมไปโดยไม่มีอำนาจ แม้จำเลยจะอ้างว่าสืบเนื่องมาจากโจทก์ร่วมไม่ยอมชำระหนี้ที่ค้าง
แต่ก็เป็นการใช้อำนาจบังคับให้ชำระหนี้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
และโจทก์ร่วมค้างชำระราคารถยนต์แก่จำเลยเพียงประมาณ 20,000
บาท
แต่จำเลยจะให้โจทก์ร่วมชำระเงินแก่จำเลยถึง 100,000 บาท ดังนั้น
การที่จำเลยเอารถยนต์ตู้ไปจากโจทก์ร่วมเพื่อเรียกร้องให้โจทก์ร่วมชำระหนี้
จึงเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง
เป็นการเอาทรัพย์ของโจทก์ร่วมไปโดยทุจริตมีความผิดฐานลักทรัพย์(ม.334)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น