10589/2553 โจทก์ทั้งสามบรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันทำร้ายร่างกายโจทก์ที่ 2
และที่ 3
เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายและร่วมกันทำร้ายโจทก์ที่ 1 เป็นเหตุให้โจทก์ที่ 1 ศีรษะแตก หน้าผากแตก หางตาขวาแตก
จมูกแตก และฟันหัก 4 ซี่
ได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 295, 297 แม้ฟ้องโจทก์ทั้งสามมีคำขอให้ลงโทษจำเลยทั้งเจ็ดตามมาตรา 297 แต่เมื่อฟ้องโจทก์ทั้งสามมิได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์ที่ 1 ได้รับอันตรายสาหัสอย่างไร จึงลงโทษจำเลยทั้งเจ็ดตามมาตรา 297 ไม่ได้
คงลงโทษจำเลยทั้งเจ็ดตามมาตรา 295
เท่านั้น
เมื่อความผิดแต่ละกระทงกำหนดโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
และศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
จึงต้องห้ามมิให้โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 ทวิ
ที่โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ว่าพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งสามฟังได้ว่าจำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันทำร้ายโจทก์ทั้งสามนั้น
เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลชั้นต้นอันเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ต้องห้ามอุทธรณ์ตามบทบัญญัติดังกล่าว
ที่ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสามและศาลอุทธรณ์ภาค 3 รับวินิจฉัย จึงเป็นการไม่ชอบ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยก่ขึ้นวินิจฉัยได้เองตาม
ป.วิ.อ.มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา
225
บล็อกนี้ทำขึ้นเพื่อรวบรวมคำพิพากษาของศาลฎีกาย้อนหลังเป็นเวลาประมาณ10ปีจนถึงปัจจุบัน โดยจัดเป็นหมวดหมู่เป็นรายวิชาเพื่อให้ง่ายแก่การค้นคว้า อีกทั้งยังรวบรวมบทความที่น่าสนใจไว้อีกด้วย
วิชา พระธรรมนูญศาลยุติธรรม , พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ.2499 ,พ.ร.บ. จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 สามารถค้นหาคำพิพากษาฎีกาภายใน 1o ปี หลังสุดได้แล้วครับ จะเร่งเพิ่มวิชาต่อไปให้เสร็จตามมาเรื่อยๆครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น