1555-1558/2553 โจทก์ฟ้องเรียกเงินที่จำเลยที่ 1 กู้ยืมไปจากโจทก์ในวาระต่างๆแยกเป็นรายสำนวน การพิจารณาว่าคดีใดอยู่ในอำนาจของศาลแขวงที่จะพิจารณาพิพากษา จึงต้องพิจารณาทุนทรัพย์ที่พิพาทเป็นรายสำนวน แม้ภายหลังศาลชั้นต้นจะสั่งให้รวมการพิจารณาคดีเข้าด้วยกันจนเป็นเหตุให้จำนวนทุนทรัพย์ที่รวมเข้าด้วยกันเกิน 300,000 บาทก็ตาม แต่ก็ต้องถือว่าคดียังอยู่ในอำนาจของศาลแขวงหรือผู้พิพากษาคนเดียวที่จะพิจารณาพิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรมมาตรา 25(4)
[ข้อสังเกตุ ถ้ามีการฟ้องคดีกู้ยืมเงินตามสัญญากู้ยืมหลายฉบับเป็นหลายสำนวน ต้องถือทุนทรัพย์แต่ละสำนวนเป็นหลัก แต่ถ้ามีการฟ้องคดีกู้ยืมเงินตามสัญญากู้ยืมหลายฉบับมาในสำนวนคดีเดียวกัน ต้องถือสัญญากู้ยืมทุกฉบับรวมกันเป็นทุนทรัพย์ในคดีนั้น]
http://deka-by-mrt.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น