6783/2552 ในขณะโจทก์ยื่นฟ้องจำเลย นายทะเบียนได้ขีดชื่อบริษัทจำเลยออกจากทะเบียนแล้ว อันเป็นผลทำให้บริษัทต้องเป็นอันเลิกกัน แต่เมื่อการเลิกโดยเหตุที่นายทะเบียนขีดชื่อนั้น เป็นการเลิกโดยเหตุอื่นนอกจากล้มละลาย จึงต้องมีการชำระบัญชีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1251 และมาตรา 1249 บัญญัติไว้ว่า แม้ว่าบริษัทจะเลิกกันแล้วก็ให้พึงถือว่ายังคงตั้งอยู่ตราบเท่าเวลาที่จำเป็นเพื่อการชำระบัญชี เมื่อปรากฎว่ายังไม่มีการชำระบัญชีของจำเลย จึงถือว่าบริษัทคงตั้งอยู่ตลอดมา โจทก์จึงมีอำนาจดำเนินคดีกับจำเลยต่อไป
http://deka-by-mrt.blogspot.com
แล้วเวลาฟ้องเราต้องฟ้องเป็น บริษัท เดี่ยวๆ หรือฟ้องเป็น บริษัท โดยนาย ก ผู้ชำระบัญชีครับ
ตอบลบขอโทษทีครับ เพิ่งเห็นคำถามนี้ครับ เนื่องจากตรงส่วนความคิดเห็นล่าสุดมีปัญหาไม่แสดงผลครับ
ลบที่จริงแล้วจุดประสงค์ของเว็บบล็อกนี้ก็เพื่อเผยแพร่บทความที่เป็นประโยชน์ที่น่าสนใจให้กับผู้ที่สนใจเท่านั้นอะครับ ไม่ได้มีจุดประสงค์ไว้ตอบปัญหากฎหมายอะครับ เพราะผมไม่กล้าตอบอะครับ ไม่ัมั่นใจว่าสิ่งที่ตอบไปนั้นจะถูกหรือเปล่า รอผู้รู้จริงๆช่วยตอบจะชัดเจนกว่านะครับ
แต่ความเห็นส่วนตัวของผมซึ่งไม่รู้ว่าถูกหรือเปล่า เห็นว่า กรณีจะฟ้องบริษัทเมื่อเลิกกันไปแล้วแต่ยังชำระบัญชีกันอยู่ บริษัทนั้นยังมีฐานะเป็นนิติบุคคลอยู่ ตาม ป.พ.พ. ม.1249 ก็สามารถฟ้องบริษัทเป็นจำเลยได้ครับ
ส่วนผู้ชำระบัญชีนั้ัน ป.พ.พ. ม.1250 บัญญัติว่า"หน้าที่ของผู้ชำระบัญชี คือ ชำระสะสางการงานของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้นให้เสร็จไป กับจัดการใช้หนี้เงินและแจกจำหน่ายสินทรัพย์ของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทนั้น"
และ มาตรา 1259 บัญญัติว่า "ผู้ชำระบัญชีทั้งหลายย่อมมีอำนาจดั่งจะกล่าวต่อไปนี้ คือ
(1) แก้ต่างว่าต่างในนามของห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทในอรรถคดีพิพาทอันเป็นแพ่งหรืออาญาทั้งปวง และทำประนีประนอมยอมความ
............................ "
ดังนั้น ก็ควรฟ้อง ผู้ชำระบัญชีเป็นจำเลยไปด้วยครับ ไม่ใช่ฟ้องบริษัทเดี่ยวๆ
ความเห็นส่วนตัวจริงๆครับผม ผิดก็น้อมรับครับ