คำถาม
สามีเห็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายนอนหนุนตักชายอื่นและกอดจูบกันโดยยังไม่มีการร่วมประเวณีกัน
สามีใช้มีดแทง จะถือว่าเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
คำตอบ มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้ ดังนี้
คำพิพากษาฎีกาที่ 3583/2555 จ.
เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของจำเลย
ซึ่งจำเลยมีสิทธิตามกฎหมายที่กระทำการป้องกันเกียรติยศชื่อเสียงของตน
โดยมิให้ชายอื่นมามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับภรรยาของตนได้
แต่ขณะเกิดเหตุจำเลยพบเห็น จ.
นอนหนุนตักผู้ชายและกอดจูบกันโดยยังไม่มีการร่วมประเวณีกัน และผู้ตายกระทำต่อ จ.
ก็เป็นไปโดย จ. สมัครใจยินยอม
พฤติการณ์ยังถือไม่ได้ว่ามีภยันตรายซึ่งเกิดจากประทุษอันละเมิดต่อกฎหมาย
และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ซึ่งจำเลยจำต้องกระทำการป้องสิทธิ แต่การที่ผู้ตายกับ จ. กอดจูบกัน นับเป็นการกระทำที่ข่มเหงจิตใจของจำเลยอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
เมื่อจำเลยเห็นเหตุการณ์ย่อมเหลือวิสัยของจำเลยที่จะอดกลั้นโทสะไว้ได้
การที่จำเลยเข้าไปชกต่อยผู้ตายแล้วใช้มีดปอดผลไม้ที่วางอยู่ใกล้ตัวแทงผู้ตายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา
จึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
คำถาม
พนักงานคุมประพฤติรับเงินค่าตอบแทนของผู้เยาว์และได้เบียดบังเอาไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
โดยมิได้นำเงินดังกล่าวไปฝากธนาคารในนามผู้เยาว์เป็นความผิดฐานใด
คำตอบ มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้ ดังนี้
คำพิพากษาฎีกาที่ 205/2554 จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำแหน่งพนักงานคุมประพฤติรับเงินค่าตอบแทนของผู้เยาว์
และได้เบียดบังเอาไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัวโดยมิได้นำเงินจำนวนดังกล่าวไปฝากธนาคารในนามของผู้เยาว์
เป็นการไม่ปฏิบัติตนในฐานะผู้กำกับการใช้อำนาจปกครองในส่วนที่เป็นทรัพย์สินของผู้เยาว์ตามคำสั่งศาล
การกระทำของจำเลยซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนโดยทุจริตจึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา
147 สำเร็จไปแล้ว แม้ต่อมาจำเลยนำเงินไปเปิดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์ให้แก่ผู้เยาว์ที่ธนาคาร
ก็เป็นเพียงการพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิด
ไม่อาจทำให้การกระทำที่เป็นความผิดอาญาสำเร็จไปแล้วกลับกลายเป็นไม่มีความผิดไปได้
คำถาม การให้ที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์โดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
เพียงแต่ส่งมอบที่ดินให้ผู้รับเข้าครอบครอง ต่อมาผู้ให้ถึงแก่ความตาย
ที่ดินจะถือเป็นทรัพย์มรดกของผู้ให้หรือไม่
คำตอบ มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้ ดังนี้
คำพิพากษาฎีกาที่ 2156/2555
จำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของตนที่ได้รับการยกให้จากนางรอด
มิใช่ครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทอื่น อันแสดงว่านางรอดได้ยกที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยครอบครองแล้วโดยโจทก์ไม่ได้เกี่ยวข้อง
ซึ่งขณะที่นางรอดแสดงเจตนายกที่ดินพิพาทนั้น
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)
ผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิจึงมีเพียงสิทธิครอบครอง
การที่นางรอดส่งมอบที่ดินพิพาทให้แก่จำเลยโดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แม้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา
525 ประกอบมาตรา 456 วรรคหนึ่ง แต่ที่ดินพิพาทมีแต่สิทธิครอบครอง
จึงถือได้ว่านางรอดสละเจตนาครอบครองไม่ยึดถือที่ดินพิพาทต่อไป
เมื่อจำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทแล้ว
จำเลยย่อมได้สิทธิครอบครองตามมาตรา 1377 และมาตรา 1378
อันเป็นการได้สิทธิครอบครองตามกฎหมาย
การออกโฉนดที่ดินพิพาทจัดทำโดยทางราชการออกให้แก่นางรอดซึ่งเป็นผู้มีสิทธิครอบครองหนังสือรับรองการทำปะโยชน์(น.ส.3)ฉบับเดิม แม้ความจริงนางรอดไม่มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทแล้วขณะออกโฉนดก็หาทำให้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทของจำเลยเสียไปไม่
ที่ดินพิพาทจึงมิใช่ทรัพย์มรดกของนางรอดที่จะตกทอดแก่ทายาทอีกต่อไป
คำถาม ข้อความในสัญญาเช่าว่า ก่อนครบสัญญาเช่า
ผู้ให้เช่าและผู้เช่าจะปรับเปลี่ยนค่าเช่าหรือระยะเวลาเช่าในอัตราที่เป็นธรรมดังที่ปฏิบัติมาเป็นปกติประเพณีถือเป็นคำมั่นจะให้เช่าหรือไม่
คำตอบ มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้ ดังนี้
คำพิพากษาฎีกาที่ 3801/2555
ข้อความในสัญญาเช่าที่ว่า ก่อนครบสัญญาเช่า
โจทก์และจำเลยจะปรับเปลี่ยนค่าเช่าหรือระยะเวลาเช่าในอัตราที่เป็นธรรมดังที่ปฏิบัติมาเป็นปกติประเพณี
ไม่มีรายละเอียดชัดเจนเกี่ยวกับค่าเช่าหรือระยะเวลาเช่าที่แน่นอนอันเป็นสาระสำคัญของสัญญาเช่า
จึงไม่เข้าลักษณะคำมั่นจะให้เช่า
เมื่อจำเลยเพิกเฉยไม่สนองรับคำเสนอที่โจทก์แจ้งไปเพื่อขอขยายอายุสัญญาเช่าใหม่
ถือว่าคำเสนอของโจทก์ตกไป สัญญาเช่าจึงไม่เกิดขึ้น
ถือได้ว่าจำเลยไม่ได้กระทำการอันเป็นการโต้แย้งสิทธิหน้าที่ของโจทก์ที่โจทก์จะบังคับให้จำเลยทำสัญญาเช่าฉบับใหม่กับโจทก์
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 55 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย
คำถาม
ขณะทำหนังสือโอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินค่าจ้างรับเหมาก่อสร้างที่จะได้รับ
เจ้าหนี้ผู้โอนยังไม่ได้เริ่มงานก่อสร้างตามที่ชนะการประมูล
ถือว่าสิทธิเรียกร้องดังกล่าวอยู่ในสภาพเปิดช่องให้โอนกันได้หรือไม่
คำตอบ มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้
ดังนี้
คำพิพากษาฎีกาที่ 7790/2554 เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2548 จำเลยที่ 1
ประมูลงานรับเหมาก่อสร้างลานกีฬาขององค์การบริหารส่วนตำบลเวียงชัยได้ ต่อมาวันที่
6 กุมภาพันธ์ 2549 จำเลยที่ 1 ทำหนังสือโอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินค่าจ้างที่จะได้รับจากองค์การบริหารส่วนตำบลเวียงชัยให้แก่ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดส่งวัสดุก่อสร้างให้จำเลยที่ 1 หลังจากนั้นวันที่ 7
กุมภาพันธ์ 2549 องค์การบริหารส่วนตำบลเวียงชัยทำสัญญากับจำเลยที่ 1
โดยกำหนดให้เริ่มทำงานภายในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2549
และกำหนดทำงานให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 8 เมษายน 2549
หลังจากนั้นโจทก์ขอบังคับคดีและเจ้าพนักงานบังคับคดีมีหนังสือฉบับลงวันที่ 26
ตุลาคม 2549 แจ้งอายัดเงินค่าจ้างดังกล่าวไปยังองค์การบริหารส่วนตำบลเวียงชัย
คดีนี้มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องประการแรกว่า
หนังสือโอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินใช้บังคับได้หรือไม่ เห็นว่า แม้ขณะจำเลยที่ 1
ทำหนังสือโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องนั้น จำเลยที่ 1
ยังไม่ได้เริ่มงานก่อสร้างลานกีฬาให้แก่องค์การบริหารส่วนตำบลเวียงชัยก็ตาม
แต่เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยที่ 1
ชนะการประมูลงานก่อสร้างลานกีฬาดังกล่าวตั้งแต่เดือนกันยายน 2548
จึงย่อมทำให้จำเลยที่ 1
ได้สิทธิในการดำเนินงานก่อสร้างและรับเงินค่าก่อสร้างนั้นด้วยเมื่อทำงานแล้วเสร็จ สิทธิดังกล่าวจึงอยู่ในสภาพเปิดช่องให้โอนกันได้แล้ว
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 303
ส่วนองค์การบริหารส่วนตำบลเวียงชัยจะกำหนดให้จำเลยที่ 1
ทำสัญญาจ้างตามแบบของทางราชการและเริ่มงานก่อสร้างกันเมื่อใด หาใช่สาระสำคัญไม่
เมื่อนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเวียงชัยเขียนข้อความลงในหนังสือโอนสิทธิเรียกร้องว่า
“
ได้รับทราบและยินยอมในการโอนสิทธิดังกล่าวข้างต้นแล้ว" พร้อมกับลงลายมือชื่อและประทับตราองค์การบริหารส่วนตำบลเวียงชัย
ก็เพียงพอที่จะถือว่าองค์การบริหารส่วนตำรบเวียงชัยลูกหนี้ได้ยินยอมด้วยในการโอนนั้นตามมาตรา
306 วรรคหนึ่ง เมื่อการโอนสิทธิเรียกร้องปฏิบัติครบถ้วนตามบทบัญญัติของกฎหมาย
สิทธิที่จะได้รับเงินค่าจ้างก่อสร้างจึงตกเป็นของผู้ร้องแล้ว
และเมื่อไม่ปรากฏจากทางนำสืบของโจทก์เลยว่า
ขณะโอนสิทธิเรียกร้องดังกล่าวผู้ร้องได้รู้ข้อเท็จจริงอันเป็นทางให้โจทก์ต้องเสียเปรียบ
โจทก์จึงไม่มีสิทธิขออายัดเงินดังกล่าวได้
ขอให้นักศึกษาทุกคน
สอบได้เป็นเนติบัณฑิต
นายประเสริฐ เสียงสุทธิวงศ์
บรรณาธิการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น